องค์ความรู้การผลิตเมล็ดพันธุ์
ข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์สงขลา 84-1
สัปดาห์ที่ 1
การคัดเลือกพื้นที่
การคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสม ควรเป็นพื้นที่ราบ ไม่มีน้ำท่วมขัง เนื้อดินอุ้มน้ำและระบายน้ำได้ดี มีค่าความเป็นกรด-ด่าง 5.6-7.0 โดยฤดูปลูกที่เหมาะสมในการผลิตเมล็ดพันธุ์ ควรปลูกปลายฤดูฝน แล้วเก็บผลผลิตช่วงฤดูแล้ง ประมาณเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม
อย่างไรก็ตาม การเลือกพื้นที่ปลูกควรมีการป้องกันปัญหาละอองเกสรตัวผู้จากพันธุ์อื่นปะปน ได้แก่ พื้นทีผลิตเมล็ดพันธุ์ไม่ควรปลูกข้าวโพดชนิดอื่นหรือพันธุ์อื่นมาก่อน
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเมล็ดตกค้างในแปลงงอกขึ้นมาปะปน หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ควรให้เมล็ดข้าวโพดที่ตกค้างงอกขึ้นมาก่อน แล้วทำการไถกำจัดทิ้งช่วงเตรียมแปลงปลูก หรือใช้วิธีปลูกเหลื่อมเวลากับข้าวโพดพันธุ์อื่น อย่างน้อย 3 สัปดาห์
ถ้าปลูกในเวลาเดียวกันต้องมีระยะแปลงห่างจากพันธุ์อื่นอย่างน้อย 300 เมตร เพื่อให้ปลอดละอองเกสรตัวผู้จากพันธุ์อื่น
แต่หากแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์อยู่ใต้ทิศทางลมก็ต้องเพิ่มระยะห่างจากแปลงข้าวโพดพันธุ์อื่นมากกว่านี้
สัปดาห์ที่ 2
การไถดะ
การไถดะ เป็นการไถครั้งแรกเพื่อเปิดหน้าดิน โดยใช้ผาล 3 หรือ ผาล 7 เพื่อผลิกหน้าดินและกลบวัชพืช โดยความลึกของการไถประมาณ 30 ซม. ไถแล้วตากดินทิ้งไว้ 7-10 วัน
สัปดาห์ที่ 3-4
การไถแปรและพรวน
การไถแปรและพรวน เป็นการไถขวางแนวการไถดะ โดยใช้ผาล 7 เพื่อย่อยดินให้แตกและคลุกเคล้าเศษซากพืชและอินทรียวัตถุได้อย่างสม่ำเสมอ หากไม่ละเอียดเพียงพอ ควรทำการพรวนอีก 1 ครั้ง และปรับพื้นที่ให้สม่ำเสมอหรือมีความลาดเอียงเล็กน้อยเพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
ถ้าความเป็นกรด-ด่างของดิน น้อยกว่า 6 ควรปรับสภาพดินโดยการหวานปูนขาวหรือปูนโดโลไมต์ตามค่าความต้องการปูนของดิน
สัปดาห์ที่ 5
การปลูก
การจัดแถวปลูก ควรวางแถวปลูกให้ขวางทิศทางลม เพื่อให้การกระจายละอองเกสรจากแถวตัวผู้ผสมกับสายพันธุ์แม่ได้ดี
อัตราแถวปลูกสายพันธุ์แม่ต่อสายพันธุ์พ่อ เท่ากับ 4 :1 ซึ่งจะมีพื้นที่ของสายพันธุ์แม่เท่ากับ 80% ของพื้นที่ผลิตทั้งหมด
ข้อแนะนำ ควรปลูกแถวของสายพันธุ์พ่อรอบนอกของแปลงผลิตให้มีจำนวนมากขึ้น เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากละอองเกสรของข้าวโพดสายพันธุ์อื่น
และเป็นการเพิ่มปริมาณละอองเกสรสายพันธุ์พ่อให้มากขึ้น
ขั้นตอนการปลูก ควรคลุกเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูก ด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช ได้แก่ สารเมทาแลกซิล เพื่อป้องกันโรคราน้ำค้าง โรคโคนเน่า และรากเน่า
วิธีการปลูก ให้หยอดเมล็ด 2 เมล็ด/หลุม โดยใช้ระยะปลูกระหว่างแถว 75 ซม. และระหว่างต้น 25 ซม. และได้จำนวน 8,533 หลุม/ไร่
โดยการปลูกสายพันธุ์แม่ก่อนสายพันธุ์พ่อ ห่างกัน 3 วัน เพื่อให้ดอกตัวเมียของต้นแม่ และดอกตัวผู้ของต้นพ่อบานพร้อมกันพอดี
สัปดาห์ที่ 6-10
(1-30 วัน)
ระยะการเจริญเติบโต
การให้น้ำ: อายุ 1-30 วัน รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ 1-2 วัน/ครั้ง
การใส่ปุ๋ย: ในสัปดาห์ที่ 8 (อายุ 14 วัน) ใส่ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 50 กก./ไร่
สัปดาห์ที่ 10-16 (31-74 วัน)
ระยะก่อนออกดอกถึงระยะติดฝัก
การให้น้ำ: อายุ 31-74 วัน รดน้ำ 3-5 วัน/ครั้ง
การใส่ปุ๋ย:
– ในสัปดาห์ที่ 10 (อายุ 25-30 วัน) ใส่ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 30 กก./ไร่
– ในสัปดาห์ที่ 12 (อายุ 40-45 วัน) ใส่ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 30 กก./ไร่
ต้องกำจัดช่อดอกตัวผู้ทุกช่อดอกในแถวของสายพันธุ์แม่ก่อนที่ช่อดอกจะโผล่พ้นใบธง หรือเมื่อข้าวโพดมีอายุตั้งแต่ 45 วันขึ้นไป
สัปดาห์ที่ 17-20 (75-100 วัน)
ระยะก่อนเก็บเกี่ยวถึงระยะเก็บเกี่ยว
การให้น้ำ: อายุ 75-100 วัน งดให้น้ำ
สัปดาห์ที่ 21
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
เก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อข้าวโพดอายุ 90-100 วันหลังปลูก โดยเก็บเกี่ยวฝัก จากแถวของสายพันธุ์แม่
วิธีสังเกต คือ สีของเปลือกฝัก จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองฟางข้าว ถ้าแกะเมล็ดจะเห็นขั้วเมล็ดมีจุดสีน้ำตาลเข้มถึงดำ แสดงว่า เมล็ดพันธุ์พร้อมเก็บเกี่ยว
หรือนำไปวัดความชื้นของเมล็ดพันธุ์ โดยความชื้นที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวต้องไม่เกิน 28 % ซึ่งเป็นระยะที่เมล็ดพันธุ์มีคุณภาพสูงสุด เมล็ดสามารถทนทานต่อการขนย้ายและการกระทบกระเทือน โดยไม่แตกหักได้ง่าย
ภายหลังการเก็บเกี่ยวควรรีบนำไปลดความชื้นให้เร็วที่สุด ไม่ควรสุมกองทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้มีโอกาสเกิดเชื้อราในเมล็ดพันธุ์ได้
การปล่อยทิ้งให้ฝักแห้งอยู่ในแปลงผลิตนานเกินไป ทำให้ความงอกและความแข็งแรงของเมล็ดลดลง
สัปดาห์ที่ 22
การปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์
ภายหลังการเก็บเกี่ยวควรรีบนำไปลดความชื้นให้เร็วที่สุด ไม่ควรสุมกองทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้มีโอกาสเกิดเชื้อราในเมล็ดพันธุ์ได้ การปล่อยทิ้งให้ฝักแห้งอยู่ในแปลงผลิตนานเกินไป ทำให้ความงอกและความแข็งแรงของเมล็ดลดลง
การปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โดยนำฝักมาปอกเปลือก และคัดแยกฝักที่ไม่ต้องการออก เช่น ฝักที่มีเมล็ดงอก ฝักเสีย ฝักที่มีโรคและแมลงเข้าทำลาย ฝักผิดปกติ และฝักที่ยังไม่แก่เต็มที่ ส่วนฝักที่มีลักษณะปกติตรงตามพันธุ์ นำไปสู่กระบวนการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โดยการฝึ่งแดดให้ฝักมีความชื้นลดลงเหลือ 13-16% แล้วนำไปกะเทาะเมล็ดด้วยมือ ทำความสะอาดและคัดแยกเมล็ด โดยการใช้พัดลมเป่าและใช้ตะแกรงร่อนสิ่งเจือปนต่างๆ เช่น ไหมข้าวโพด เมล็ดพันธุ์พืชชนิดอื่น และสิ่งเจือปนอื่นๆ แล้วคัดเมล็ดบริสุทธิ์ ไปลดความชื้นอีกครั้ง โดยการผึ่งแดด ให้ความชื้นลดลงเหลือ 11-12%
สัปดาห์ที่ 23
การเก็บรักษาและตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์
วิธีการเก็บรักษา ควรเก็บในสภาพโรงเรือนที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และมีวัสดุรองพื้นสำหรับวางเมล็ดพันธุ์ เช่น พาเลท หรือแคร่ไม้
การป้องกันแมลงศัตรูเข้าทำลายเมล็ดพันธุ์ ควรใช้วิธีการรมสารเคมี เช่น สารอลูมิเนียมฟอสไฟด์
โดยเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาตรฐาน ต้องมีความบริสุทธิ์ อย่างน้อย 96% มีเมล็ดพันธุ์พืชชนิดอื่นๆ ได้ไม่เกิน 0.2% และวัสดุเจือปนไม่เกิน 2% มีเปอร์เซ็นต์ความงอกอย่างน้อย 60% และมีเปอร์ความชื้นไม่เกิน 12%
สามารถตรวจสอบความงอกอย่างง่ายด้วยการเพาะทรายเป็นระยะเวลา 7 วัน มีความงอกอย่างน้อย 60%