นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ และชาวไทยที่เดินทางเข้าประเทศกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยงที่เดินทางกลับจาก เกาหลี ญี่ปุ่น ที่นิยมซื้อผลไม้สด (สตรอเบอรี่ พลับ) ที่มีราคาถูกกว่าเมืองไทย เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก กรมวิชาการเกษตรจึงขอประชาสัมพันธ์ ไปยังนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ให้ทราบว่า การนำเข้าผลไม้สดเข้ามายังราชอาณาจักรไทย โดยไม่สำแดงใบรับรองสุขอนามัยพืชผ่านเข้าประเทศไทย ในทุกช่องทาง เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติ กักพืช พ.ศ. 2507 และ แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 8 (2) มาตรา 10 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้นจึงขอแจ้งเตือนให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับเข้าประเทศ ระวังในการกระทำดังกล่าว ที่อาจจะเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่ได้มีเจตนาที่จะกระทำผิด ซึ่งหากตรวจพบเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายซึ่งมีโทษทั้งจำ และปรับ รวมถึงยึดสินค้าเพื่อนำไปทำลายตามกฎหมายกักพืช ทั้งนี้ได้ประสานกับ ทางการท่าอากาศยานให้ประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนรับทราบทั่วกัน
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า จากการสอบถามพบว่า นักท่องเที่ยวซื้อตามคำแนะนำของไกด์นำเที่ยว จึงฝากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนระมัดระวังไม่กระทำการดังกล่าว เพื่อที่จะไม่ต้องเสียเงินกับสินค้ากลุ่มนี้ ทั้งนี้กรณีฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม จะมีความผิดต้องระวางโทษตามมาตรา 21 จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ปัจจุบันด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีการตรวจยึดผักและผลไม้สดที่นักท่องเที่ยวนำติตตัวเข้ามาที่อาคารโดยสารได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตักเตือนและปล่อยตัว แต่ยึดสิ่งของไว้ และทำการแช่เย็นหลังจากทำการตรวจสอบศัตรูพืชเบื้องต้น เพื่อรอส่งทำลาย ด้วยวิธีการเผาด้วยอุณหภูมิสูง เป็นการป้องกันความเสี่ยงศัตรูพืช เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรม และระบบนิเวศของประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวในตอนท้ายว่า ได้ขอให้ สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร จัดเตรียมจุดทิ้งสิ่งต้องห้าม ในบริเวณสนามบินให้ชัดเจน หลายๆ จุด ให้นักท่องเที่ยวสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายๆ เพื่อที่นักท่องเทียว จะไม่ทำผิดกฎหมายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์