นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร แจ้งว่า พันเอกรวิรักษ์ สัตตบุศย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช พร้อมทั้งหน่วย ด่านตรวจพืชสะเดา ด่านตรวจพืชปาดังเบซาร์ ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานหาดใหญ่ ด่านตรวจพืชบ้านประกอบ ด่านตรวจพืชท่าเรือสงขลา ด่านกักกันสัตว์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เข้าตรวจสอบรถบรรทุกตู้แช่เย็น ที่บริเวณหน้าโรงแรมวีเจ ถ.กาญจนวินช ต.สำนักขาม อ.สะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งสงสัยว่าอาจเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าตามกฎหมายกักพืช จากการเข้าตรวจสอบ พบสินค้าที่มีการลักลอบนำเข้ามา เป็นผลไม้ประเภทส้ม น้ำหนัก 4,464 กิโลกรัม มูลค่า 580,320 บาท เมล่อน น้ำหนัก 115 กิโลกรัม มูลค่า 23,000 บาท อะโวคาโด น้ำหนัก 4,220 กิโลกรัม มูลค่า 1,730,200 บาท และทับทิมน้ำหนัก 873 กิโลกรัม มูลค่า 174,600 บาท รวมน้ำหนักรวม 9,672 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 2,508,120 บาท
ซึ่งผลไม้ดังกล่าวนั้น จัดเป็นสิ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดพืช และพาหะจากแหล่งที่กำหนด เป็นสิ่งต้องห้าม ข้อยกเว้น และเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2550 ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา 8 (2) แห่งพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชสะเดา จังหวัดสงขลา ได้ดำเนินอายัดสินค้าดังกล่าว เพื่อส่งกลับหรือทำลาย พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาการลักลอบนำ ซึ่งมีการกระทำความผิด ดังต่อไปนี้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.กักพืช มาตรา 8 (2) มาตรา 10 โทษตามมาตรา 21 รายละเอียดดังนี้ มาตรา 8 บุคคลใดนําเข้า หรือนําผ่านซึ่งสิ่งต้องห้ามต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีและต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้ การนําเข้า หรือนําผ่านเพื่อการค้า หรือเพื่อกิจการอื่นตามที่อธิบดีประกาศ กําหนดโดยคําแนะนําของคณะกรรมการ จะต้องมีใบรับรองสุขอนามัยพืชกํากับมาด้วย และต้องผ่านการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืช และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกําหนด มาตรา 10 การนําเข้า หรือนําผ่านซึ่งสิ่งต้องห้ามหรือสิ่งกํากัดนั้น จะต้องนําเข้า หรือนําผ่านทางด่านตรวจพืชเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจ และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกําหนด โดยคําแนะนําของคณะกรรมการโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 21 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 8 มาตรา 10 มาตรา 15 ทวิวรรคสองหรือมาตรา 15 ฉ หรือฝ่าฝืนมาตรา 14 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าวส่งมอบและดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอสะเดา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป