นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรดำเนินงานขับเคลื่อนภายใต้นโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขับเคลื่อนการทำงานและสร้างผลงานได้อย่างชันเจนและเป็นรูปธรรม ผ่านการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคำนึงถึงการ “สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพี่น้องเกษตรกรอย่างยั่งยืน” ตามนโยบายของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ โดยงานนี้ได้มอบหมายให้ ดร.ภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตรและโฆษกกรมวิชาการเกษตร เข้าร่วมงาน
การประเมินโครงการการจัดทำฐานข้อมูลองค์ประกอบอาหารในภูมิภาคเอเชีย หรือ Asian Food Composition Database (AFCD) คือโครงการที่จัดตั้งเพื่อรักษาวัฒนธรรมอาหารและความหลากหลายทางชีวภาพในภูมิภาคเอเชีย ในปีนี้กรมวิชาการเกษตรในฐานะตัวแทนประเทศไทย ได้ร่วมมือกับ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน โดยมีกลุ่มประเทศสมาชิก AFACI (Asian Food and Agriculture Cooperation Initiative) เข้าร่วมกว่า 13 ประเทศ ได้แก่ มองโกเลีย บังกลาเทศ ภูฏาน กัมพูชา สปป.ลาว อินโดนีเซีย สาธารณรัฐคีร์กีซ เกาหลี ศรีลังกา เนปาล ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และ ประเทศไทย
ในการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 31 พฤษภาคม 2567 ที่โรงแรมเมอร์เคียว มักกะสัน กรุงเทพฯ และมีการเดินทางไปศึกษาดูงานที่สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จังหวัดนครปฐม มุ่งเน้นประเมินความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการของแต่ละประเทศสมาชิก ร่วมหารือการดำเนินโครงการให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย และแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการจัดทำฐานข้อมูลองค์ประกอบทางโภชนาการในอาหาร
ดร.ภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร โฆษกกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตลอดการประชุมทั้ง 5 วัน จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับรักษาวัฒนธรรมอาหารและความหลากหลายทางชีวภาพของแต่ละประเทศในภูมิภาคเอเชีย ขั้นตอนการปฏิบัติงานตามมาตรฐาน คู่มือวิเคราะห์ฐานข้อมูลส่วนประกอบอาหาร โดยการรักษาข้อมูลทางโภชนาการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สำคัญ รวบรวมไว้เพื่อสร้างฐานข้อมูลส่วนประกอบของอาหาร และส่วนสำคัญคือข้อมูลส่วนประกอบอาหารของ 13 ประเทศในกลุ่มสมาชิคภูมิภาคเอเชีย ซึ่งข้อมูลนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนการวิจัยด้านโภชนาการ การกำหนดนโยบายด้านอาหาร และการส่งเสริมสุขภาพของประชาชน
“โครงการฐานข้อมูลองค์ประกอบอาหารเอเชียเป็นความร่วมมือที่นำผู้เชี่ยวชาญจากทั่วภูมิภาคมารวมตัวกัน เพื่อรวมความรู้ของพวกเราและแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดี พัฒนาระเบียบวิธีมาตรฐานสำหรับการวิเคราะห์อาหาร โดยการประสานแนวทางและใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าในเทคโนโลยีและการวิจัย โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างกรอบการทำงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นรากฐานสำหรับนโยบายที่มีการใช้ข้อมูลด้านโภชนาการเป็นพื้นฐาน โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อการมีส่วนร่วมและความยั่งยืน ด้วยความมั่นใจในความสามารถร่วมกันของแต่ละประเทศที่จะสร้างความแตกต่างอย่างมีความหมายให้ชีวิตของคนอีกหลายล้านคนทั่วเอเชีย” โฆษกกรมวิชาการเกษตร กล่าว
Users Today : 945
Views Today : 3004
Who's Online : 0
