เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 นายสุรกิตติ ศรีกุล ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการผลิตพืช กรมวิชาการเกษตรเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินผลงานโครงการพระราชดำริและโครงการพิเศษ ประจำปี 2567 ณ ห้องประชุม 201 ตึกกสิกรรม ชั้น 2 กรมวิชาการเกษตร
คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินผลงานโครงการพระราชดำริและโครงการพิเศษ ประจำปี 2567 ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการผลิตพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เขตที่ 1-8 พร้อมด้วย ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อร่วมพิจารณาและคัดเลือกเป็นผลงานโครงการพระราชดำริและโครงการพิเศษดีเด่น ประจำปี 2567 โดยมีผลงานเข้าร่วมพิจารณา ดังนี้
1.ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน ด้วยการผลิตเห็ดแบบ LOW CARBON ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ โดย สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1
2.โครงการพัฒนาโคกปรงตามแนวพระราชดำริฯ สู่ความยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีการผลิตพืชของกรมวิชาการเกษตร โดย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบูรณ์ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2
3.ถั่วลิสงหลังนา จากศูนย์เรียนรู้ สู่ธุรกิจชุมชน โดย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอุดรธานี สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3
4.กาแฟโรบัสต้าภูสิงห์ สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ ให้เกษตรกรไทยสู่ความยั่งยืน โดย ศูนย์พัฒนาการเกษตรภูสิงห์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4
5.การขยายผลเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชสู่การส่งเสริมอาชีพแบบยั่งยืน ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ภาคกลาง โดย สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5
6.พัฒนาแปลงเรียนรู้การผลิตทุเรียนอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี โดย สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6
7.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกระบี่ ตามรอยเท้าพ่อ สานต่อการผลิตพืช หล่อเลี้ยงชีวิต ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกระบี่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7
8.การอนุรักษ์พันธุกรรมผักพื้นเมืองของภาคใต้ ภายใต้โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดย ศูนย์วัจัยพืชสวนตรัง สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8
ในการนี้ คณะกรรมการฯ ได้ให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ การรวบรวมข้อมูล รวมทั้งการเขียนเล่มเสนอผลงาน เพื่อให้เกิดแนวทางในการดำเนินงานที่มีความชัดเจนมากขึ้น ในปีงบประมาณถัดไป