1. Home
  2. »
  3. ข่าวผู้บริหาร
  4. »
  5. กรมวิชาการเกษตรโชว์ ผลงาน นวัตกรรม ปุ๋ย และชีวภัณฑ…

กรมวิชาการเกษตรโชว์ ผลงาน นวัตกรรม ปุ๋ย และชีวภัณฑ์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ต่อ นายกรัฐมนตรี และ ครม.

กรมวิชาการเกษตรโชว์ ผลงาน นวัตกรรม ปุ๋ย และชีวภัณฑ์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ต่อ นายกรัฐมนตรี และ ครม. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์) อธิบดีกรมวิชาการเกษตร (นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์) รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร(นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง และผู้บริหารกรมวิชาการเกษตร เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อแสดงนิทรรศการ “นวัตกรรมปุ๋ยและการกำจัดศัตรูพืช เพื่อความปลอดภัยของประชาชน” โอกาสนี้กรมวิชาการเกษตรได้นำเกษตรกร ที่ใช้ นวัตกรรมปุ๋ยและการกำจัดศัตรูพืช ของกรมวิชาการเกษตร จำนวน 3 ราย เข้าพบนายกรัฐมนตรีและครม. ดังนี้ 1. นายอำนวย แสงทวี เกษตรกรปลูกข้าว จังหวัดนครปฐม 2. นายสุธรรม จันทร์อ่อน เกษตรกรปลูกผัก จังหวัดนครปฐม 3. นางเบญจา วังทองชุ่ม เกษตรกรปลูกผัก จังหวัดนครปฐม ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 25 ตุลาคม 2565

รมว.เฉลิมชัย และรมช.มนัญญา สั่งการให้ กรมวิชาการเกษตร จัดนิทรรศการ ปุ๋ยชีวภาพและการจัดการศัตรูพืช ให้ นายกรัฐมนตรี และ ครม. ชูนโยบาย 3 S แสดงผลสำเร็จ ลด เลิก ใช้สารเคมี โดยใช้นวัตกรรมปุ๋ยชีวภาพ และการกำจัดศัตรูพืชด้วยสารสกัดจากพืชและชีวภัณฑ์สนับสนุน ส่งเสริมการผลิตระบบเกษตรอินทรีย์ และเกษตรปลอดภัย (GAP) ตามนโยบายรัฐบาล นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรมีนวัตกรรมทางการเกษตรในการกำจัดศัตรูพืช เพื่อผลิตอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคทั้งในประเทศและส่งออกซึ่งเป็นการดำเนินการที่สอดรับตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ประเด็นการพัฒนาภาคการเกษตรให้ส่งเสริมและเร่งขยายผลแนวคิดการทำเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยควบคุมการใช้สารเคมีการเกษตรที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพทดแทนสารเคมีเกษตรให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการเพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม กรมวิชาการเกษตรจึงได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลสนับสนุนการผลิตอาหารที่ปลอดภัยต่อเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม โดยวิจัยและพัฒนาสารสกัดธรรมชาติ ชีวภัณฑ์ เครื่องจักรกลทางการเกษตร ปุ๋ยชีวภาพ การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ มาใช้สนับสนุนเป็นปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีความปลอดภัยและสามารถผลิตใช้ได้เองภายในประเทศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ผลการดำเนินการด้านชีวภัณฑ์ต่าง ๆของกรมวิชาการเกษตรและของบริษัทที่มาขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรในการควบคุมศัตรูพืช (วัชพืช แมลง โรคพืช) ได้แก่ กลุ่มควบคุมวัชพืช สารสกัดจากยูคาลิปตัสซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ขึ้นทะเบียนสารสกัดจากยูคาลิปตัสเป็นสารกำจัดวัชพืชประเภทใบแคบ เช่น หญ้าขจรจบดอกเล็ก หญ้าตีนนก และวัชพืชประเภทใบกว้าง เช่น บาหยา และสาบม่วง และวัชพืชประเภทกก เช่น กกตุ้มหูและยังมี สารสกัดแมงลักป่า ซึ่งเป็นผลงานของสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช และกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยได้ต้นแบบผลิตภัณฑ์เป็นสูตรสารละลายน้ำมันเข้มข้น 2 สูตร

กลุ่มควบคุมแมลงศัตรูพืช ได้แก่ ราเขียวเมตาไรเซียมป้องกันกำจัดด้วงแรดซึ่งเป็นศัตรูสำคัญในมะพร้าวและพืชตระกูลปาล์ม และด้วงหนวดยาวศัตรูสำคัญในอ้อย ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เชื้อแบคทีเรียบีทีใช้ในการควบคุมหนอนผีเสื้อศัตรูพืช ไวรัสเอ็นพีวี ใช้ควบคุมหนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม และหนอนเจาะสมอฝ้าย นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์สารกำจัดแมลงศัตรูพืช จากสารสกัดพืช รูปแบบใหม่ 2 ชนิด เป็นผลิตภัณฑ์สูตรผสม สะเดา+หางไหล และ ว่านน้ำ+หางไหล ด้วยนวัตกรรมการผลิตแบบนาโนเทคโนโลยี โดยพัฒนาระบบนำส่งสารออกฤทธิ์ที่สำคัญให้มีอนุภาคขนาดเล็กมากในระดับนาโน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแทรกซึมเข้าสู่ตัวแมลงศัตรูพืชเป้าหมาย และกระจายตัวเข้าสู่ในใบพืชได้ดียิ่งขึ้น สามารถออกฤทธิ์ในการควบคุมหนอนใยผักที่เป็นแมลงศัตรูสำคัญที่ทำความเสียหายกับคะน้าและพืชตระกูลกะหล่ำ กลุ่มที่ควบคุมเชื้อสาเหตุโรคพืช ได้แก่ เชื้อแบคทีเรียบีเอส ใช้ควบคุมโรคแอนแทรคโนสในพริก มะม่วง โรคใบจุดพืชตระกูลกะหล่ำและโรคเหี่ยวเชื้อราไตรโคเดอร์มา ใช้ควบคุมโรคตายพรายของกล้วย และเห็ดเรืองแสงสิรินรัศมี ใช้ควบคุมไส้เดือนฝอยรากปมในแหล่งปลูกพริก มันฝรั่ง และฝรั่ง
นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตรยังมีงานวิจัยปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทู สำหรับข้าว ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร จากการวิจัยในแปลงเกษตรกรพบว่าการใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทูร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตราแนะนำตามค่าวิเคราะห์ดิน และใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวเพียง 15 กิโลกรัมต่อไร่ สามารถลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรลดลงได้ 771 บาทต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 52.2 เมื่อเทียบกับวิธีเกษตรกร โดยให้ผลผลิตข้าวไม่แตกต่างกัน ซึ่งลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้ 547 บาท และค่าเมล็ดพันธุ์ได้ 187 บาท ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนขอเข้ารับการอบรม ถ่ายทอดเทคโนโลยี และขอรับสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือกรมวิชาการเกษตรในการผลิต จำนวน 13 บริษัท รวม 23 สัญญา
สำหรับสารไกลโฟเซตซึ่งเกษตรกรยังมีความจำเป็นต้องใช้ตามมาตรการจำกัดการใช้ กับพืช 6 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล และยางพารากรมวิชาการเกษตรได้จัดทำแผนการออกใบอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตรายไกลโฟเซต ในปี 2565 และ ปี 2566 โดยตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 – ปัจจุบัน ได้ออกใบอนุญาตนําเข้าวัตถุอันตรายไกลโฟเซต จํานวน23,044.70 ตัน จากข้อมูลการนำเข้าไกลโฟเซตจนถึง วันที่ 30 กันยายน 2565 พบว่า ผู้ประกอบการมีการนําเข้าวัตถุอันตรายไกลโฟเซตแล้ว จํานวน17,785.92 ตัน ยังไม่ได้นำเข้าประมาณ 5,258.78 ตัน ในปี 2566 มีการจัดทำแผนการอนุญาตให้นำเข้าไกลโฟเซตตามที่กฎหมายกำหนด จำนวน 29,333.64 ตัน

“ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรได้เผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับทางเลือกการจัดการวัชพืช การใช้แรงงานและการใช้เครื่องจักรกล และการใช้หลายวิธีผสมกัน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการศัตรูพืชเฉลี่ยต่อไร่ของแต่ละวิธี เพื่อเป็นแนวทางให้เกษตรกรใช้เป็นวิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค และสภาพแวดล้อม เป็นทางเลือกให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย ลดปัญหาสารพิษตกค้างในผลผลิตเกษตรและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัยตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

Related
แชท
Skip to content