การทดสอบเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตผักปลอดภัยในเขตภาคกลางและ ภาคตะวันตก
#1
การทดสอบเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตผักปลอดภัยในเขตภาคกลางและ ภาคตะวันตก
กุลวดี ฐาน์กาญจน์, นพพร ศิริพานิช, ชญาดา ดวงวิเชียร, ประสงค์ วงค์ชนะภัย, ไกรสิงห์ ชูดี, สุภาพร สุขโต, สมบัติ บวรพรเมธี, ช่ออ้อย กาฬภักดี, อุดม วงศ์ชนะภัย, สุรพล สุขพันธ์, อดุลรัตน์ แคล้วคลาด, เพทาย กาญจนเกษร, ศิริจันทร์ อินทร์น้อย, สุภัค แสงทวี, สมพร เหรียญรุ่งเรือง, จิรภา เมืองคล้าย, จุลศักดิ์ บุญรัตน์, สุกัญญา มัคคะวินทร์ และสุภานันทน์ จันทร์ประอบ
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอุทัยธานี, ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรราชบุรี, ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครปฐม, ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี, สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 และกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร

          โครงการวิจัยการทดสอบเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตผักปลอดภัยในเขตภาคกลางและภาคตะวันตก ดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. 2554 - 2558 ที่แปลงเกษตรกรและที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรในจังหวัดปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี นครปฐม และราชบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตผักปลอดภัยจากสารพิษและจุลินทรีย์ และเพื่อหาสูตรอาหารที่เหมาะสมในการผลิตผักแบบใช้สารละลายในสภาพโรงเรือนและระยะเวลาเก็บเกี่ยวต่างๆ ประกอบด้วย 3 กิจกรรม 17 การทดลอง โดยกิจกรรมที่ 1 เป็นการนำเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ NPV, BT, ไส้เดือนฝอย, กับดักกาวเหนียว และการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและเหมาะสม มาใช้เปรียบเทียบกับกรรมวิธีของเกษตรกร ผลการทดสอบพบว่า คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง กะเพรา โหระพาถั่วฝักยาว มะระจีน มะเขือเปราะ ผักชีฝรั่ง ผักชีไทย ในกรรมวิธีทดสอบ ให้ผลผลิต รายได้ รายได้สุทธิ ค่า BCR สูงกว่ากรรมวิธีเกษตรกร และมีต้นทุนต่ำกว่า นอกจากนี้กรรมวิธีทดสอบยังพบสารพิษตกค้างในผลผลิตต่ำกว่ากรรมวิธีเกษตรกร ส่วนการตรวจวิเคราะห์หาจุลินทรีย์ปนเปื้อนพบว่า มีเชื้อ Escherichia coli ต่ำกว่า 10 cfu/g และไม่พบเชื้อ Salmonella spp. ทั้ง 2 กรรมวิธี กิจกรรมที่ 2 เป็นการศึกษาคุณภาพพืชผักเบื้องต้นในการผลิตแบบใช้สารละลายภายใต้โรงเรือน ผลการทดลองพบว่า ผักสลัดคอสและผักบุ้ง ในสูตรธาตุอาหาร Allen Cooper ให้ผลผลิต ความกว้างใบ ความยาวใบ ความสูงต้น และน้ำหนักเฉลี่ยสูงกว่าในสูตรธาตุอาหาร KMITL3 ในขณะที่ผักกาดหอมและผักชีฝรั่งในสูตรธาตุอาหาร KMITL3 ให้ความกว้างใบ ความสูงต้น ความกว้างทรงพุ่ม และน้ำหนักต่อต้นสูงกว่าในสูตรธาตุอาหาร Allen coolper สำหรับผักสลัดกรีนโอ๊คและผักชีไทยในสูตรธาตุอาหารทั้ง 2 สูตรให้ผลผลิต ความกว้างใบ ความยาวใบ ความสูงต้น และน้ำหนักเฉลี่ยใกล้เคียงกัน ส่วนในคะน้าและกวางตุ้ง สูตรธาตุอาหารของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลา และสูตรธาตุอาหาร KMITL3 ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ วิธีให้น้ำเปล่าก่อนเก็บเกี่ยว 3 วัน สามารถลดปริมาณไนเตรทลงได้ และพบเชื้อ E. coli ต่ำกว่า 10 cfu/g และไม่พบเชื้อ Salmonella spp. ในทุกกรรมวิธี กิจกรรมที่ 3 คือ การวิจัยและทดสอบเทคโนโลยีการผลิตพืชผักโดยวิธีผสมผสานให้ปลอดภัยจากสารพิษตกค้าง เชื้อจุลินทรีย์ และแมลงศัตรูพืชในมะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ผักชีฝรั่ง และผักชีไทย โดยเปรียบเทียบระหว่างกรรมวิธีของเกษตรกรกับกรรมวิธีทดสอบ ที่มีการป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสานและปลูกในโรงเรือนกางมุ้ง ผลการทดสอบพบว่า มะเขือเปราะให้ผลผลิตนอกโรงเรือนดีกว่าการปลูกในโรงเรือน ส่วนถั่วฝักยาวพบว่า ผลผลิตในโรงเรือนดีกว่าการปลูกนอกโรงเรือน ในส่วนการวิเคราะห์สารพิษตกค้างและการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์พบว่า ทั้งสองกรรมวิธีไม่พบทั้งสารพิษตกค้างในผลผลิตและเชื้อ Salmonella spp. แต่พบเชื้อ E. coli ต่ำกว่า 10 cfu/g ส่วนผักชีฝรั่งพบว่า การใช้วิธีผสมผสาน (IPM) ในการดูแลรักษาแปลงผักชีฝรั่งอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงการผลิต ทำให้การเข้าทำลายของแมลงศัตรูพืชลดน้อยลง นอกจากนี้การใช้บิวเวอเรีย (Beauveria bassiana) ยังสามารถลดสารพิษตกค้างในผักชีฝรั่ง สำหรับผักชีไทยพบว่า ทั้งกรรมวิธีทดสอบและกรรมวิธีของเกษตรกรให้ผลผลิตและผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ใกล้เคียงกัน แต่กรรมวิธีของเกษตรกรตรวจพบสารพิษตกค้าง 2 ชนิด คือ cypermethrin และ chorpyrifos ในปริมาณ 0.02 - 0.03 mg/kg


ไฟล์แนบ
.pdf   130_2558.pdf (ขนาด: 3.65 MB / ดาวน์โหลด: 900)
ตอบกลับ




ผู้ที่กำลังดูเรื่องนี้: 2 ผู้เยี่ยมชม