ศึกษาระบบการจัดการสวนปาล์มน้ำมันของเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย
#1
ศึกษาระบบการจัดการสวนปาล์มน้ำมันของเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย
นฤทัย วรสถิตย์, วิลาสลักษณ์ ว่องไว, อรุณี  ใจเถิง, เกียติรวี  พันธุ์ไชยศรี, สันติ   โยธาราษฎร์, วัชรพล  บำเพ็ญอยู่, วิมล  แก้วสีดา, ฉัตรสุดา เชิงอักษร และนัด  ไชยมงคล
สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3, สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 1, ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย

          การศึกษาระบบการจัดการสวนปาล์มน้ำมันของเกษตรกร จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ดำเนินการในปี 2557 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลปฐมภูมิ การปลูก และการจัดการสวนปาล์มน้ำมันเพื่อทราบประเด็นปัญหาการผลิตของเกษตรกรในพื้นที่ปลูกปาล์มใหม่ภาคเหนือตอนบน ทำการออกแบบสัมภาษณ์ และสัมภาษณ์เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน รวม 217 ราย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ 100 ราย จังหวัดเชียงราย 117 ราย อายุปาล์ม 2 - 3 ปี พบว่ามีพื้นที่ปลูกปาล์มเฉลี่ย 2.75 และ 17.90 ไร่/ราย ตามลำดับ เป็นผู้ปลูกปาล์มน้ำมันรายย่อย และส่วนใหญ่ปลูกตามโครงการที่มีบริษัทมาส่งเสริม  เหตุผลที่เลือกปลูกปาล์มน้ำมันเนื่องจาก ต้องการให้เป็นรายได้ประจำ คิดว่าเป็นพืชทนแล้ง ดูแลง่าย ต้องการปลูกทดแทนพืชอื่น เป็นทั้งพืชอาหารและเป็นพืชพลังงาน จึงคาดการณ์ว่าราคาดี ปลูกในปี 2554 เป็นส่วนใหญ่ และปลูกในพื้นที่ราบ ดินร่วนปนทราย เกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ ทราบชื่อพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่ปลูกเพียงร้อยละ 42 ส่วนจังหวัดเชียงรายร้อยละ 62  ในกลุ่มที่ทราบชื่อพันธุ์นั้น ใช้พันธุ์ที่มีจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดทางภาคใต้ ราคา 55 - 250 บาท/ต้น  แหล่งต้นกล้าที่จำหน่ายให้เกษตรกรส่วนใหญ่มาจากเอกชน  จากหน่วยงานราชการเพียงร้อยละ 1 ในจังหวัดเชียงใหม่ และร้อยละ 6 ในจังหวัดเชียงราย  จากการสำรวจในแปลงที่ให้ผลผลิตแล้วพบว่ามีผลที่มีลักษณะกะลาบางเป็นส่วนใหญ่ 

          เกษตรกรที่วิเคราะห์สมบัติดินก่อนปลูกมีเพียงร้อยละ 11 ในจังหวัดเชียงใหม่และร้อยละ 3 ในจังหวัดเชียงราย แต่จะปรับสภาพดินก่อนปลูกร้อยละ 45 - 76  เตรียมดินโดยทำการไถปรับพื้นที่ วางแนวปลูกส่วนใหญ่ในทิศที่ถูกต้องคือแนวเหนือ - ใต้ การวางผังแปลงในจังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่เป็นแบบสี่เหลี่ยม ส่วนจังหวัดเชียงรายใช้แบบสามเหลี่ยมเป็นส่วนใหญ่ทั้ง 2 จังหวัดใช้ระยะปลูก 8 - 10 เมตร การวางระบบถนนไม่มีถนนภายในสวนแต่ขนส่งโดยใช้พื้นที่ระหว่างแถว ทุกๆ 1 - 6 แถว ในสวนปาล์มน้ำมันระยะแรก 1 - 3 ปี ส่วนใหญ่ไม่ปลูกพืชคลุมดิน แต่ปลูกพืชแซมเพื่อเป็นแหล่งรายได้และเป็นการควบคุมวัชพืช พืชแซมที่ปลูก เช่น ข้าวโพด ถั่วลิสง ไม้ดอก ไม้ประดับ และสับปะรด และมีบางส่วนนำปาล์มน้ำมันปลูกแซมในสวนไม้ผลยืนต้น  ยางพารา  หลังปลูกพบต้นตายโดยมีสาเหตุมาจากหนูหรือตุ่นกัดเป็นส่วนใหญ่  ในจังหวัดเชียงรายมีการให้น้ำในช่วงฝนทิ้งช่วงเพียงร้อยละ 47 ส่วนในจังหวัดเชียงใหม่ร้อยละ 81  โดยใช้แหล่งน้ำจากบ่อหรือสระ และแม่น้ำในพื้นที่  ให้น้ำแบบสปริงเกลอร์ สายยาง และให้น้ำไหลไปตามผิวดิน ในจังหวัดเชียงใหม่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ มากกว่าปุ๋ยเคมี ส่วนในจังหวัดเชียงราย ใส่ปุ๋ยเคมีมากกว่าใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เกษตรกรใช้ปุ๋ยไม่ตรงตามคำแนะนำ และใส่ปุ๋ยในปริมาณน้อยกว่าคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับการสังเกตในแปลงปลูกพบว่าต้นปาล์มน้ำมันแสดงอาการขาดธาตุอาหาร ด้านการตัดแต่งทางใบ พบว่า ตัดแต่งทางใบได้เหมาะสมกับอายุปาล์มน้ำมันในระดับปานกลาง เกษตรกรพบราที่โคนต้น ใบมีจุดสีเหลือง ยอดใบหด ใบไหม้ ใบจุด ใบแห้ง ยอดเน่า ยอดม้วน และผลเน่า  และพบปัญหาจากแมลง เช่น ด้วงกุหลาบ ด้วงแรด หนอนหน้าแมว หนอนปลอกเล็ก ทำการป้องกันกำจัดโรคและแมลงโดยใช้สารเคมี และได้ผลเป็นส่วนใหญ่ พบวัชพืชในแปลง และป้องกันกำจัดโดยวิธีกลและใช้สารเคมี  ผลผลิตต่ำสุด - สูงสุด ในปาล์มน้ำมันอายุ 3 - 6 ปี  462 - 2,084 กก./ไร่/ปี อายุ 7 - 8 ปี ให้ผลผลิต 826 - 4,250 กก./ไร่/ปี เก็บเกี่ยวผลผลิตจากการสังเกตความสุกแก่ของสีผลได้อย่างถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ และนำผลผลิตไปจำหน่ายเอง  ระยะทางจากสวนถึงจุดรับซื้อ 1 - 166 กม. สถานที่รับซื้ออยู่ภายในจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ ราคาที่เกษตรกรจำหน่ายเฉลี่ย 2.75 - 3.35 บาท/กก. เกษตรกรน้อยกว่าร้อยละ 20 ทำการบันทึกข้อมูลในการทำสวนปาล์มน้ำมัน ปัญหาการผลิตที่สำคัญได้แก่ การให้น้ำ (ไม่มีแหล่งน้ำในฤดูแล้ง) การใช้ปุ๋ย (ปุ๋ยราคาแพง, ไม่มีความรู้เรื่องสูตรปุ๋ยที่ควรใส่ปาล์มน้ำมัน) และการติดผล (ติดผลแล้วผลไม่สมบูรณ์ทั้งทะลาย, ผลลีบ ติดผลน้อย)  รวมถึงคุณภาพปาล์ม (ผลลีบ, ผลเล็กไม่โตเต็มที่) เกษตรกรมีความคาดหวังให้มีตลาดรองรับผลผลิตและต้องการให้ราคาดี ยังขาดผู้ให้คำปรึกษา และแหล่งความรู้ทางวิชาการ  ดังนั้นกรมวิชาการเกษตรจึงควรขยายบทบาทการให้ความรู้เรื่องปาล์มน้ำมันแก่เกษตรกรในเขตภาคเหนือตอนบนให้มากขึ้น และสร้างงานวิจัยพัฒนาการผลิตปาล์มน้ำมันในพื้นที่นี้เพื่อให้เทคโนโลยีถึงมือเกษตรกร ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการผลิต การจัดการสวนที่ไม่เหมาะสมได้ส่วนหนึ่ง  


ไฟล์แนบ
.pdf   65_2557.pdf (ขนาด: 263.24 KB / ดาวน์โหลด: 894)
ตอบกลับ




ผู้ที่กำลังดูเรื่องนี้: 2 ผู้เยี่ยมชม