06-29-2016, 02:21 PM
วิจัยปริมาณสารพิษตกค้างของ Fenvalerate ในมะม่วงเพื่อกำหนดค่าปริมาณสูงสุดของสารพิษตกค้าง [MRLs] ครั้งที่ 3 และ 4
ลมัย ชูเกียรติวัฒนา, บังเอิญ สีมา และปิยะศักดิ์ อรรคบุตร
ลมัย ชูเกียรติวัฒนา, บังเอิญ สีมา และปิยะศักดิ์ อรรคบุตร
การศึกษาการสลายตัวของเฟนวาเลอเรตในมะม่วงครั้งที่ 3 และ4 ได้ทำแปลงทดลองที่อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรณบุรี ระหว่างเดือนธันวาคม 2550 ถึง มีนาคม 2551 และที่อำเภอสามโก้ จังหวัดอ่างทอง ระหว่างเดือนธันวาคม 2550 ถึงมีนาคม 2551 ตามลำดับโดยวางแผนการทดลองแบบ Supervised Trial มี 3 ซ้ำ กำหนดให้ 1 ซ้ำมีต้นมะม่วง 4 ต้น และมี 2 การทดลองคือพ่นเฟนวาเลอเรตอัตราแนะนำ (ใช้เฟนวาเลอเรต 35% EC อัตรา 6 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร) และไม่พ่นเฟนวาเลอเรต เริ่มพ่นเฟนวาเลอเรตครั้งแรกเมื่อมะม่วงติดผลได้ 6 สัปดาห์ พ่นสารทุกๆ 7 วัน รวม 4 ครั้ง ภายหลังพ่นสารครั้งสุดท้ายเก็บผลมะม่วงที่ระยะเวลา 0, 1, 3, 5,7, 10 และ 14 วัน นำมาวิเคราะห์สารพิษตกค้างด้วยเครื่อง gas chromatograph พบว่าเมื่อใช้สารในอัตราแนะนำมะม่วงมีเฟนวาเลอเรตตกค้าง 0.47, 0.42, 0.38, 0.36, 0.35, 0.36 และ 0.29 มก./กก. ที่ระยะเวลา 0, 1, 3, 5, 7, 10 และ 14 วันภายหลังการพ่นครั้งสุดท้ายตามลำดับ ส่วนแปลงทดลองครั้งที่ 2 พบว่าเมื่อใช้สารในอัตราแนะนำมะม่วงมีเฟนวาเลอเรตตกค้าง 0.57, 0.53, 0.53, 0.46, 0.43, 0.41 และ 0.40 มก./กก. ที่ระยะเวลา 0, 1, 3, 5, 7, 10 และ 14 วันภายหลังการพ่นครั้งสุดท้ายตามลำดับ ดังนั้นถ้าเกษตรกรใช้เฟนวาเลอเรตพ่นมะม่วงเพื่อป้องกันกำจัดเพลี้ยจั๊กจั่นตามคำแนะนำของฉลาก คือ ใช้เฟนวาเลอเรต 35% EC อัตรา 6 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร และเก็บ ผลผลิต ภายหลังพ่นครั้ง สุดท้าย 7 วัน ผลผลติมะม่วงจะมีเีฟนวาเลอเรตตกค้า้ง 0.35 - 0.43 มก./กก. เนื่องจากมะม่วงเป็นไม้ผลเขตร้อน FAO/WHO จึงไม่ได้กำหนดค่า Codex MRLs ของเฟนวาเลอเรตในมะม่วงดังนั้นประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตสินค้าเกษตรซึ่งรวมถึงการผลิตมะม่วงเพื่อบริโภคทั้งในประเทศและส่งออก จึงควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาค่า MRLs ของวัตถุมีพิษที่ใช้กับมะม่วง เพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดค่า MRL ของประเทศและร่วมพิจารณากำหนดค่า MRLs ในระดับ Asean และ Codex ต่อไป เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศมีระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ มีการใช้วัตถุมีพิษการเกษตรอย่างถูกต้องและปลอดภัย คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก