ศึกษาและวิเคราะห์การปลูกปาล์มน้ำมันของเกษตรกรจังหวัดอุดรธานี

[doa]

ศึกษาและวิเคราะห์การปลูกปาล์มน้ำมันของเกษตรกรจังหวัดอุดรธานี
สุทธินันท์ ประสาธน์สุวรรณ์, เมธี คำหุ่ง, อัญชลี ชาวนา, อมฤต วงษ์ศิริ และอภิชาติ พลปัถพี
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอุดรธานี

          การศึกษาและวิเคราะห์การปลูกปาล์มน้ำมันของเกษตรกรจังหวัดอุดรธานี เป็นการสำรวจการปลูกปาล์มน้ำมันของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี โดยใช้แบบสัมภาษณ์เกษตรกร จำนวน 100 ราย ณ อำเภอบ้านดุงและอำเภอศรีธาตุ  พบว่าร้อยละ 84 เป็นปาล์มน้ำมันในระยะก่อนให้ผลผลิต ส่วนใหญ่มีพื้นที่ปลูก 5 - 10 ไร่ พันธุ์ที่เกษตรกรปลูกมีความหลากหลาย ทั้งพันธุ์ของกรมวิชาการเกษตรและพันธุ์ของเอกชน  เกษตรกรเลือกปลูกปาล์มน้ำมันจากคำแนะนำของเพื่อนบ้านและญาติ มากที่สุดรองลงมา คือ อยากทดลองปลูกพืชใหม่ มีการจัดการง่าย และเป็นพืชทางเลือก ตามลำดับ สภาพพื้นที่การปลูกปาล์มน้ำมันของเกษตรกรเป็นพื้นที่ราบลุ่มและพื้นที่ราบราดเอียง ลักษณะดินเป็นดินร่วนปนทรายและดินทราย  พื้นที่ก่อนปลูกปาล์มน้ำมันส่วนใหญ๋เป็นพื้นที่นา การวางผังแปลงปฏิบัติตามคำแนะนำ คือ วางผังแบบสามเหลี่ยมด้านเท่า ระยะ 9 x 9 x 9 เมตร เท่ากับ การวางผังแบบอื่นๆและระยะปลูกที่แตกต่างกัน  ก่อนปลูกเกษตรกรนิยมไถดินก่อน 2 ครั้ง และมีการระบายน้ำในแปลง มีการรองก้นหลุม ร้อยละ 90 ด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ร็อคฟอสเฟส โดโลไมท์  การจัดการปาล์มน้ำมันก่อนให้ผลผลิต มีการปลูกพืชแซม ร้อยละ  58 ส่วนใหญ่พืชที่ปลูกเป็นพืชแซม คือ มันสำปะหลัง และ ข้าวโพด  การจัดการน้ำส่วนใหญ่อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก และมีการให้น้ำเสริมร้อยละ 42 การจัดการปาล์มน้ำมันหลังให้ผลผลิตพบว่า ร้อยละ 87.5 ไม่มีการปลูกพืชแซม มีการให้น้ำเสริมร้อยละ 37.5 การใส่ปุ๋ยเคมีของเกษตรกร ร้อยละ 87.5 ใส่ตามวิธีของเกษตร ซึ่งปุ๋ยที่ใช้มีความหลากหลายทั้งใส่เดี่ยวและใส่มากกว่า 1 สูตร ส่วนใหญ่ร้อยละ 26.7 ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15  การใส่ปุ๋ยจะใส่รอบทรงพุ่ม นอกจากนี้ยังมีการใส่ปุ๋ยคอกร่วมด้วยเกษตรกรร้อยละ 98  มีการกำจัดวัชพืชในแปลงร้อยละ 77 เกษตรกรมีการตัดแต่งทางใบแต่ร้อยละ 87.5 ไม่มีการตัดแต่งช่อดอกทิ้ง เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตครั้งแรกเมื่อปาล์มมีอายุ 4 - 5 ปี เก็บเกี่ยวทุกๆ 15 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 742 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยต่อไร่รวม 8,518 บาท ปัญหาการผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตร คือ เรื่องระบบน้ำ แมลงศัตรู การขาดธาตุอาหาร และโรค คิดเป็นร้อยละ 74 39 36  และ 17 ตามลำดับ