การทดสอบและพัฒนาปูพลาสติคคลุมดินสำหรับการปลูกพริกในเขตพื้นที่ภาคเหนือ - printable_version +- คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/research) +-- คลังข้อมูล: รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา (https://www.doa.go.th/research/forumdisplay.php?fid=1) +--- คลังข้อมูล: ผลงานวิจัยและพัฒนา ปี 2557 (https://www.doa.go.th/research/forumdisplay.php?fid=7) +--- เรื่อง: การทดสอบและพัฒนาปูพลาสติคคลุมดินสำหรับการปลูกพริกในเขตพื้นที่ภาคเหนือ (/showthread.php?tid=2292) |
การทดสอบและพัฒนาปูพลาสติคคลุมดินสำหรับการปลูกพริกในเขตพื้นที่ภาคเหนือ - doa - 02-17-2017 การทดสอบและพัฒนาปูพลาสติคคลุมดินสำหรับการปลูกพริกในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ธีรศักดิ์ โกเมฆ, สนอง อมฤกษ์, เวียง อากรชี และขนิษฐ์ หว่านณรงค์ ศูนย์วิจัยเกษตรวิศวกรรมเชียงใหม่, กลุ่มวิจัยวิศวกรรมผลิตพืช และศูนย์วิจัยเกษตรวิศวกรรมขอนแก่น ปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกพริกและพืชอื่นๆที่ปลูกโดยใช้วัสดุคลุมดินประสบปัญหาในขั้นตอนการคลุมดินโดยเฉพาะการปูพลาสติกเนื่องจากประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานและยังประสบปัญหาในการสิ้นเปลืองเวลาในการยกร่องโรยสายน้ำหยดและเกษตรกรในพื้นที่ขนาดเล็กประสบปัญหาใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ไม่สะดวกคณะผู้วิจัยจึงได้ทดสอบและพัฒนาเครื่องปูพลาสติคเพื่อให้ได้แนวทางการใช้งานเครื่องปูพลาสติคที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ตั้งแต่เล็กถึงใหญ่ของเครื่องครื่องปูพลาสติกทั้ง 3 ชนิดที่เหมาะสมกับพื้นที่ต่างๆคือแบบติดพ่วงรถแทรกเตอร์ซึ่งเหมาะกับพลาสติกหน้ากว้างตั้งแต่ 100 - 150 เซนติเมตร ซึ่งสามารถยกร่องและโรยสายน้ำหยดได้ในการวิ่งเพียงครั้งเดียวใช้ความเร็วการเคลื่อนที่ของรถแทรกเตอร์เฉลี่ย 0.5 เมตร/วินาที พบว่าการทำงานมีอัตราการทำงาน สูงสุด 0.56 ไร่ ต่อชั่วโมง อัตราการใช้เชื้อเพลิง 2.04 ลิตร/ไร่ ต้นทุน 194.8 บาท/ไร่ แบบติดท้ายรถไถเดินตามเหมาะกับพลาสติกหน้ากว้างตั้งแต่ 100 - 150 เซนติเมตรใช้ความเร็วการเคลื่อนที่ของรถแทรกเตอร์เฉลี่ย 0.5 เมตร/วินาที พบว่าการทำงาน ความสามารถการทำงาน 0.47 ไร่ ต่อชั่วโมง อัตราการใช้เชื้อเพลิง 1.28 ลิตร/ไร่ ต้นทุน 222.9 บาท/ไร่ และแบบใช้ต้นกำลังเบนซินสูบเดียว เหมาะกับพลาสติกหน้ากว้างตั้งแต่ 80 - 120 เซนติเมตร ใช้ความเร็วการเคลื่อนที่ของรถแทรกเตอร์เฉลี่ย 0.5 เมตร/วินาที พบว่าการทำงาน ความสามารถการทำงาน 0.51 ไร่ ต่อชั่วโมง อัตราการใช้เชื้อเพลิง 0.79 ลิตร/ไร่ ต้นทุน 170.6 บาท/ไร่ และเมื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบกับการใช้แรงงานคนปูพลาสติคและการใช้แรงงานคนคลุมวัสดุอินทรีย์แบบดั้งเดิมพบว่า ด้านสมรรถนะการทำงานการคลุมแปลงด้วยเครื่องปูพลาสติคสมรรถนะการทำงานสูงที่สุดด้านผลผลิต พืชที่ปลูกโดยคลุมแปลงด้วยเครื่องปูพลาสติคได้ผลผลิตสูงที่สุดด้านปริมาณการใช้สารกำจัดศัตรูพืช พืชที่ปลูกโดยคลุมแปลงด้วยเครื่องปูพลาสติคใช้ต้นทุนด้านสารกำจัดศัตรูพืชต่ำที่สุด สามารถลดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชได้และต้นทุนด้านแรงงาน การคลุมแปลงด้วยเครื่องปูพลาสติคใช้ต้นทุนด้านแรงงานต่ำที่สุด เนื่องจากใช้ผู้ปฏิบัติงานเพียง 2 คน
|