ทดสอบการใช้ปุ๋ยเคมีตามลักษณะเนื้อดินเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังจังหวัดนครสวรรค์ - printable_version +- คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/research) +-- คลังข้อมูล: รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา (https://www.doa.go.th/research/forumdisplay.php?fid=1) +--- คลังข้อมูล: ผลงานวิจัยและพัฒนา ปี 2557 (https://www.doa.go.th/research/forumdisplay.php?fid=7) +--- เรื่อง: ทดสอบการใช้ปุ๋ยเคมีตามลักษณะเนื้อดินเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังจังหวัดนครสวรรค์ (/showthread.php?tid=2170) |
ทดสอบการใช้ปุ๋ยเคมีตามลักษณะเนื้อดินเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังจังหวัดนครสวรรค์ - doa - 01-13-2017 ทดสอบการใช้ปุ๋ยเคมีตามลักษณะเนื้อดินเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังจังหวัดนครสวรรค์ สุจิตร ใจจิตร, วีระพงษ์ เย็นอ่วม, ยอด กันยาประสิทธิ์ และมลทิราลัย สวนเรือง ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครสวรรค์ การทดสอบเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยเคมีตามลักษณะเนื้อดินเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง ได้ดำเนินการทดสอบในแปลงของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 5 ราย รายละ 4 ไร่ กรรมวิธีที่ใช้ทดสอบมี 2 กรรมวิธี คือ กรรมวิธีทดสอบเป็นการใส่ปุ๋ยเคมีตามลักษณะเนื้อดิน ตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร เปรียบเทียบกับกรรมวิธีเกษตรกร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบการใช้ปุ๋ยเคมีสำหรับการผลิตมันสำปะหลังของกรมวิชาการเกษตรในพื้นที่เกษตรกร อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่วิธีการใช้ปุ๋ยให้เหมาะสมและเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง
ผลการทดสอบพบว่า การจัดการปุ๋ยเคมีในแบบที่ต่างกัน ส่งผลให้ ผลผลิต เปอร์เซ็นแป้ง และผลผลิตแป้งต่อไร่ของมันสำปะหลังเฉลี่ยทั้ง 3 ปี มีความแตกต่างกันยิ่งทางสถิติ โดยพบว่า การใส่ปุ๋ยเคมีตามกรรมวิธีทดสอบมีผลผลิตเฉลี่ยเท่ากับ 4,459 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าการใส่ปุ๋ยในกรรมวิธีเกษตรกรที่ได้ผลผลิตเท่ากับ 3,321 กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 34 นอกจากนี้ยังพบว่ากรรมวิธีทดสอบมีผลผลิตมันสำปะหลังที่มีเปอร์เซ็นแป้งเฉลี่ยเท่ากับ 25% มากกว่ากรรมวิธีเกษตรกรมีเปอร์เซ็นแป้งเฉลี่ยเท่ากับ 24% ส่งผลให้ผลผลิตแป้งต่อไร่เฉลี่ยของกรรมวิธีทดสอบ มีปริมาณแป้งมากกว่ากรรมวิธีเกษตรกรเท่ากับ 327 กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็น 40%
ข้อมูลด้านเศรษฐศาสตร์เฉลี่ย 3 ปี พบว่าการจัดการปุ๋ยเคมีที่แตกต่างกันแต่ละกรรมวิธีทำให้เกษตรกรมีรายได้ และต้นทุนผันแปร มีความแตกต่างกันยิ่งทางสถิติ คือ การใส่ปุ๋ยเคมีตามกรรมวิธีทดสอบมีรายได้เฉลี่ยเท่ากับ 9,528 บาทต่อไร่ มากกว่าการใส่ปุ๋ยในกรรมวิธีเกษตรกรที่มีรายได้เฉลี่ยเท่ากับ 7,103 บาทต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 32 แต่กรรมวิธีทดสอบมีต้นทุนผันแปรเฉลี่ยเท่ากับ 4,165 บาทต่อไร่ สูงกว่ากรรมวิธีเกษตรกรที่มีต้นทุนผันแปรเฉลี่ยเท่ากับ 3,058 บาทต่อไร่ คิดเป็น 36% ส่งผลให้ผลตอบแทนสุทธิมีความแตกต่างกันทางสถิติ โดยกรรมวิธีทดสอบมีผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ยเท่ากับ 5,356 บาทต่อไร่ สูงกว่ากรรมวิธีเกษตรกรที่มีผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ยเท่ากับ 4,046 บาทต่อไร่ เมื่อพิจารณาถึงอัตราผลตอบแทนต่อค่าใช้จ่าย (BCR) พบว่า กรรมวิธีทดสอบและกรรมวิธีเกษตรกรมีค่า BCR เท่ากัน คือ 2.3 แสดงว่า วิธีการใส่ปุ๋ยตามลักษณะเนื้อดินตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตรตามกรรมวิธีทดสอบและการใส่ปุ๋ยของเกษตรกรที่ใช้ปฏิบัติอยู่ตามกรรมวิธีเกษตร สามารถนำมาใช้ในการผลิตมันสำปะหลังของเกษตรกรได้
|