คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร
วิจัยและพัฒนาสารจากแมงลักป่าเพื่อการป้องกันกำจัดวัชพืช - printable_version

+- คลังผลงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/research)
+-- คลังข้อมูล: รายงานผลงานวิจัยและพัฒนา (https://www.doa.go.th/research/forumdisplay.php?fid=1)
+--- คลังข้อมูล: ผลงานวิจัยและพัฒนา ปี 2552 (https://www.doa.go.th/research/forumdisplay.php?fid=27)
+--- เรื่อง: วิจัยและพัฒนาสารจากแมงลักป่าเพื่อการป้องกันกำจัดวัชพืช (/showthread.php?tid=1768)



วิจัยและพัฒนาสารจากแมงลักป่าเพื่อการป้องกันกำจัดวัชพืช - doa - 08-09-2016

วิจัยและพัฒนาสารจากแมงลักป่าเพื่อการป้องกันกำจัดวัชพืช
จรัญญา ปิ่นสุภา และคมสัน นครศรี
กลุ่มวิจัยวัชพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช

          การหาอัตราของสารสกัดจากแมงลักป่าที่เหมาะสมเมื่อผสมสารจับใบเพื่อควบคุมวัชพืชหลังงอกได้ดีและไม่เป็นพิษต่อพืชปลูก โดยนำส่วนใบสดของแมงลักป่าหมักกับน้ำ 3 อัตราคือ 1 : 1, 1 : 2 และ 1 : 3 (แมงลักป่าสด:น้ำ) และนำน้ำหมักที่ได้มาผสมสารจับใบพ่นวัชพืชหลักที่เป็นปัญหาในพืชไร่ ได้แก่ ผักโขม ผักเสี้ยนผี หญ้ายาง หญ้าตีนติด และหญ้าปากควาย พ่นแบบหลังวัชพืชงอก วัดการเจริญเติบโตของวัชพืชก่อนพ่นสารสกัดและวัดทุกๆ สัปดาห์เป็นเวลา 3 สัปดาห์หลังพ่นสารสกัดพบว่า การพ่นสารสกัดแมงลักป่าทุกอัตราบนวัชพืช ผักเสี้ยนผี หญ้ายาง หญ้าตีนติด และหญ้าปากควายแสดงอาการเป็นพิษใบหงิกและเหี่ยว และหลังจากนั้นใบจะมีสีน้ำตาลหรือใบแห้ง โดยเฉพาะการพ่นสารสกัดอัตรา 1 : 1 และ 1 : 1 ผสมสารจับใบ แสดงอาการเป็นพิษมากว่าสารสกัดอัตราอื่นๆ ส่วนผักขมการพ่นสารสกัดทุกอัตราไม่แสดงอาการเป็นพิษ การใช้สารสกัดจากแมงลักป่าด้วยน้ำในอัตรา 1 : 1 และ 1 : 1 ผสมสารจับใบ มีผลกระทบต่อความสูงของผักเสี้ยนผี หญ้าตีนติดและหญ้าปากควาย และมีความสูงต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับไม่ได้พ่นสารสกัดฯ หลังจากพ่นสารสกัดได้ในระยะ 14 วัน ส่วนผักขมและหญ้ายาง การพ่นสารสกัดไม่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตในด้านความสูง