การทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกพันธุ์ยางใหม่ที่ให้ผลผลิตน้ำยางสูง การเจริญเติบโตดี ต้านทานโรค เหมาะสมสำหรับแนะนำให้ปลูกในพื้นที่กึ่งแห้งแล้งที่มีปริมาณฝนต่ำกว่า 1,600 มิลลิเมตรต่อปี รวมทั้งมีลักษณะอื่นๆที่ดี คุณสมบัติของน้ำยางที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมยาง และมีลักษณะของพันธุ์ยางตรงตามความต้องการของเกษตรกร โดยการทดลองนี้เป็นการนำพันธุ์ยางลูกผสมของไทยปี 2537 ที่ผ่านการคัดเลือกจากการเปรียบเทียบพันธุ์ขั้นต้นมาปลูกทดลองและคัดเลือกอีกครั้งในแปลงเปรียบเทียบพันธุ์ยางขั้นปลาย ในพื้นที่ 42 ไร่ของศูนย์วิจัยยางหนองคาย เพื่อใช้ในการประเมินเสถียรภาพ (Stability Parameter) ของพันธุ์ยางก่อนนำไปใช้ในการแนะนำพันธุ์ เริ่มปลูกยางลูกผสมในปี 2552 ใช้ระยะปลูก 3 x 7 เมตร วางแผนการทดลองแบบ Randomize Complete Block Design จำนวน 3 ซ้ำ ๆ ละ 50 ต้นต่อแปลงย่อย ปลูกเปรียบเทียบพันธุ์ยาง 25 สายพันธุ์ ประกอบด้วยพันธุ์ยางลูกผสมที่ผสมในปี 2537 (RRI-CH-37) จำนวน 23 สายพันธุ์ ได้แก่ RRI-CH-36-1176, RRI-CH-36-1232, RRI-CH-36-0124, RRI-CH-36-1315, RRI-CH-37-0038, RRI-CH-37-0042, RRI-CH-37-0058, RRI-CH-37-0059, RRI-CH-37-0060, RRI-CH-37-0064, RRI-CH-37-0066, RRI-CH-37-0069, RRI-CH-37-0080, RRI-CH-37-0158, RRI-CH-37-0196, RRI-CH-37-0198, RRI-CH-37-0229, RRI-CH-37-0317, RRI-CH-37-0359, RRI-CH-37-0369, RRI-CH-37-0541,  RRI-CH-37-0837 และ RRI-CH-37-1199 ให้พันธุ์ RRIM 600 และ RRIT 251 เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ ปฏิบัติดูแลรักษาต้นยางตามคำแนะนำของสถาบันวิจัยยาง บันทึกข้อมูลการเจริญเติบโต โดยการวัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้นที่ระดับ 10 ซม. และวัดความสูงของต้นยางจากจุดแตกตา ทุก 3 เดือน ผลการทดลองหลังปลูกถึงต้นยางอายุ 15 เดือน พบว่าการเจริญเติบโตของพันธุ์ยางทั้ง 25 สายพันธุ์ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยเมื่อบันทึกข้อมูลเมื่ออายุ 15 เดือน พันธุ์ RRIM 600 และ RRIT 251 ซึ่งเป็นพันธุ์เปรียบเทียบมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้นเฉลี่ย 2.10 และ 1.96 ซม. และมีความสูงลำต้นเฉลี่ย 215.6 และ 183.0 ซม. ตามลำดับ ลูกผสม RRI-CH-37-0064 และ RRI-CH-37-0069 เป็นลูกผสมที่มีการเจริญเติบโตดีที่สุด โดยมีขนาดลำต้นที่ระดับ 10 ซม. เฉลี่ย 2.53 และ 2.33 ซม. และมีความสูงของลำต้นเฉลี่ย 248.1 และ 233.7 ซม. ตามลำดับ