เกี่ยวกับการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่
1. พืชที่ขอยื่นจดทะเบียนคุ้มครองเป็นพันธุ์พืชใหม่มีกี่ชนิด อะไรบ้าง
ตอบ พืชที่รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศให้เป็นพืชใหม่ และรับความคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ได้ มี 107 ชนิด ได้แก่
ลำดับ | ชื่อไทย | ชื่อตามประกาศ |
1 | กระเจี๊ยบเขียว | กระเจี๊ยบเขียว [Abelmoschus esculentus (L.) Moench] |
2 | กระถินณรงค์ | กระถินณรงค์ (Acacia auriculiformis A. Cunn.ex Benth.) |
3 | กระท่อม | กระท่อม (Mitragyna speciosa Korth.) |
4 | กล้วย | กล้วย (Musa spp.) |
5 | กล้วยไม้สกุลแคทลียา | กล้วยไม้สกุลแคทลียา (Cattleya Lindl.) และลูกผสม |
6 | กล้วยไม้สกุลซิมบิเดียม | กล้วยไม้สกุลซิมบีเดียม (Cymbidium Sw.) |
7 | กล้วยไม้สกุลซิมบิเดียม | กล้วยไม้สกุลซิมบิเดียม (Cymbidium Sw.) และลูกผสม |
8 | กล้วยไม้สกุลฟาแลนอปซีส | กล้วยไม้สกุลฟาแลนนอปซีส (Phalaenopsis Blume.) และลูกผสม |
9 | กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี | กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี (Paphiopedilum Pfitzer) |
10 | กล้วยไม้สกุลแวนด้า | กล้วยไม้สกุลแวนด้า (Vanda spp. และลูกผสม) |
11 | กล้วยไม้สกุลหวาย | กล้วยไม้สกุลหวาย |
12 | กะเพรา | กะเพรา (Ocimum tenuiflorum L.) |
13 | กะหล่ำปลี | กะหล่ำปลี (Brassica oleracea L. Capitata Group) |
14 | กัญชง, กัญชา (พืชสกุลแคน นาบิส) | พืชสกุลแคนนาบิส (Cannabis L.) |
15 | กาแฟ | พืชสกุลกาแฟ (Coffea L.) |
16 | กุหลาบ | พืชสกุลกุหลาบ (Rosa L.) |
17 | แก้วกาญจนา | แก้วกาญจนา (Aglaonema spp.) |
18 | โกโก้ | โกโก้ (Theobroma cacao L.) และลูกผสม |
19 | ขนุน | ขนุน (Artocarpus heterophyllus Lam.) |
20 | ข้าว | ข้าว |
21 | ข้าวโพด | ข้าวโพด |
22 | แขม | พืชสกุลแขม (Tripidium H.Scholz) และลูกผสม |
23 | งา | งา (Sesamum indicum L.) |
24 | เงาะ | เงาะ |
25 | ชมพู่ | ชมพู่ [Syzygium samarangense (Blume) Merr. & L. M. Perry] |
26 | ชวนชม | ชวนชม (Adenium spp.) |
27 | ชายผ้าสีดา | พืชสกุลชายผ้าสีดา (Platycerium Desv.) |
28 | ดาวเรือง | พืชสกุลดาวเรือง (Tagetes L.) |
29 | เดป | พืชสกุลเดป (Dischidia R. Br.) |
30 | แตงกวาและแตงร้าน | แตงกวาและแตงร้าน |
31 | แตงเทศ | แตงเทศผิวเรียบ และแตงเทศลายนูน (Cucumis melo L. cv. Cantaloupensis and Cucumis melo L. cv. Reticulatus) และลูกผสม |
32 | แตงโม | แตงโม |
33 | ถั่วเขียว | ถั่วเขียว |
34 | ถั่วเขียว | ถั่วแขก (Phaseolus vulgaris L.) |
35 | ถั่วฝักยาว | ถั่วฝักยาว |
36 | ถั่วลิสง | ถั่วลิสง (Arachis hypogaea L.) |
37 | ถั่วเหลือง | ถั่วเหลือง |
38 | ทุเรียน | ทุเรียน |
39 | น้อยหน่า | น้อยหน่า (Annona squamosa L. และลูกผสม) |
40 | บวบเหลี่ยม | บวบเหลี่ยม (Luffa acutangula (L.) Roxb.) |
41 | บอนสี | บอนสี (Caladium bicolor Vent.) |
42 | บัว | บัว |
43 | บัวบก | บัวบก [Centella asiatica (L.) Urb.] |
44 | บานชื่น | บานชื่น (Zinnia L.) |
45 | เบญจมาศ | เบญจมาศ (Chrysanthemum morifolium Ramat.) |
46 | ปาล์มน้ำมัน | ปาล์มน้ำมัน |
47 | โป๊ยเซียน | โป๊ยเซียน |
48 | ผักกาดกวางตุ้ง | ผักกาดกวางตุ้ง |
49 | ผักกาดหอม | ผักกาดหอม (Lactuca sativa L.) |
50 | ผักกาดหัว | ผักกาดหัว [Raphanus raphanistrum subsp. sativus (L.) Domin] |
51 | ผักคะน้า | ผักคะน้า |
52 | ผักบุ้ง | ผักบุ้งจีน |
53 | ไผ่ | ไผ่ (Poaceae: Bambusoideae) |
54 | ฝรั่ง | ฝรั่ง (Psidium spp.) |
55 | ฝ้าย | ฝ้าย (Gossypium hirsutum L.) |
56 | ฝ้าย (พืชสกุลฝ้าย) | พืชสกุลฝ้าย (Gossypium L.) |
57 | พริก | พริกเผ็ด และพริกยักษ์ หรือพริกหวาน |
58 | พุทธรักษา | พืชสกุลพุทธรักษา (Canna L.) |
59 | เพาโลว์เนีย | เพาโลว์เนีย (Paulownia elongata S.Y.Hu) |
60 | ฟัก/แฟง | ฟัก/แฟง |
61 | ฟักทอง | ฟักทอง (Cucurbita moschata Duchesne) และลูกผสม |
62 | มะขาม | มะขาม |
63 | มะเขือ | มะเขือ (Solanum melongena L.) |
64 | มะเขือเทศ | มะเขือเทศ |
65 | มะนาวไทย | มะนาวไทย (Citrus aurantifolia (Christm.) Swingle และลูกผสม |
66 | มะปราง | กลุ่มมะปราง (Bouea spp.) |
67 | มะพร้าว | มะพร้าว (Cocos nucifera L.) |
68 | มะเฟือง | มะเฟือง (Averrhoa carambola L.) |
69 | มะม่วง | มะม่วง |
70 | มะระ | มะระ |
71 | มะละกอ | มะละกอ |
72 | มันเทศ | มันเทศ [Ipomoea batatas (L.) Lam.] |
73 | มันฝรั่ง | มันฝรั่ง (Solanum tuberosum L.) |
74 | มันสำปะหลัง | มันสำปะหลัง |
75 | ไม้ดอกสกุลขมิ้น | ไม้ดอกสกุลขมิ้น (Curcuma spp.) |
76 | ยางพารา | ยางพารา (Hevea brasiliensis (Willd. ex A. Juss.) Mull. Arg.) |
77 | ยาสูบ | พืชสกุลยาสูบ (Nicotiana L.) |
78 | ยูคาลิปตัส | ยูคาลิปตัส |
79 | ยูโฟรเบีย (พืชสกุลยูโฟรเบีย) | พืชสกุลยูโฟรเบีย (Euphorbia L.) |
80 | ลั่นทม | ลั่นทม (Plumeria spp.) |
81 | ลำไย | ลำไย |
82 | ลิ้นจี่ | ลิ้นจี่ |
83 | ลิ้นมังกร | พืชสกุลลิ้นมังกร (Sansevieria Thunb.) |
84 | ว่านสี่ทิศ | พืชสกุลว่านสี่ทิศ (Hippeastrum Herb.) |
85 | สตรอว์เบอร์รี | สตรอว์เบอร์รี (Fragaria x ananassa (Duchesne ex Weston) Duchesne ex Rozier) |
86 | ส้มเขียวหวาน | ส้มเขียวหวาน (Citrus reticulata Blanco และลูกผสม) |
87 | ส้มเช้ง | ส้มเช้ง [Citrus sinensis (L.) Osbeck] และลูกผสม |
88 | ส้มโอ | ส้มโอ |
89 | สัก | สัก (Tectona grandis L. f.) |
90 | สับปะรด | สับปะรด (Ananas comosus (L.) Merr.) |
91 | หญ้านวลน้อย | พืชสกุลหญ้านวลน้อย (Zoysia Willd.) |
92 | หญ้าเนเปียร์ | หญ้าเนเปียร์ (Pennisetum purpureum Schumach.) และลูกผสม |
93 | หญ้าแฝก | หญ้าแฝก |
94 | หญ้ารูซี่ | หญ้ารูซี่ (Brachiaria ruziziensis R. Germ. & C. M. Evrard) และลูกผสม |
95 | หน้าวัว | พืชสกุลหน้าวัว (Anthurium Schott) |
96 | หม้อข้าวหม้อแกงลิง | พืชสกุลหม้อข้าวหม้อแกงลิง (Nepenthes L.) |
97 | หม่อน | หม่อน (Morus alba L.) |
98 | หม่อน (พืชสกุลหม่อน ) | พืชสกุลหม่อน (Morus L.) |
99 | หยก | หยก |
100 | หอมแดง | หอมแดง (Allium ascalonicum L.) |
101 | เห็ด สกุลเห็ดร่างแห | เห็ด สกุลเห็ดร่างแห (Phallus Junius ex L.) |
102 | เห็ดถั่งเช่าสีทอง | เห็ดถั่งเช่าสีทอง [Cordyceps militaris (L.) Fr.] |
103 | อะเคเซีย | พืชให้เนื้อไม้ในสกุลอะเคเซีย (Acacia auriculiformis A. Cunn. ex Benth., A. mangium Willd., A. aulacocarpa A. Cunn. ex Benth. and A. crassicarpa A. Cunn. ex Benth.) และลูกผสม |
104 | อ้อย | อ้อย |
105 | อ้อยักษ์ | อ้อยักษ์ (Arundo donax L.) |
106 | อะโวคาโด | อะโวคาโด (Persea americana Mill.) |
107 | อินทผลัม | อินทผลัม (Phoenix dactylifera L.) |
2. พันธุ์พืชใหม่แต่ละชนิดมีอายุคุ้มครองกี่ปี
ตอบ อายุการคุ้มครอง แบ่งเป็น
– พืชที่ให้ผลผลิตตามลักษณะประจำพันธุ์ได้หลังจากปลูกจากส่วนขยายพันธุ์ภายในเวลา 2 ปี ให้มีอายุ 12 ปี – พืชที่ให้ผลผลิตตามลักษณะประจำพันธุ์ได้หลังจากปลูกจากส่วนขยายพันธุ์ในเวลาเกินกว่า 2 ปี ให้มีอายุ 17 ปี
– พืชที่ให้ผลผลิตตามลักษณะประจำพันธุ์ได้หลังจากปลูกจากส่วนขยายพันธุ์ในเวลาเกินกว่า 2 ปี ให้มีอายุ 27 ปี
3. หากต้องการยื่นขอจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืช/ชนิดพืชที่ยังไม่ประกาศเป็นพืชใหม่ จะต้องทำอย่างไร ใช้เวลานานเท่าใด
ตอบ ให้ทำหนังสือแจ้งกรมวิชาการเกษตร เพื่อขอให้ประกาศพืชชนิดนั้นเป็นพืชใหม่ โดยกรมวิชาการเกษตรจะมอบหมายให้สำนักคุ้มครองพันธุ์พืชดำเนินการเสนอพืชใหม่ ต่อคณะอนุกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช เพื่อพิจารณา และเสนอคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช เพื่อให้รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ประกาศเป็นพืชใหม่ต่อไป
4. พันธุ์พืชที่จะขอยื่นจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ ต้องไม่มีการขาย จำหน่าย จ่ายแจกส่วนขยายพันธุ์ เกินหนึ่งปีหมายความว่าอย่างไร
ตอบ พันธุ์พืชที่จะขอจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 ต้องเป็นพืชที่ไม่มีการนำส่วนขยายพันธุ์มาใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นการขายหรือจำหน่ายด้วยประการใด ทั้งในหรือนอกราชอาณาจักรโดยนักปรับปรุงพันธุ์ หรือด้วยความยินยอมของนักปรับปรุงพันธุ์เกินกว่าหนึ่งปีก่อนวันยื่นขอจดทะเบียน
5. การยื่นขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ต้อง ปฏิบัติตาม มาตรา 52 และมาตรา 53 หรือไม่ และต้องปฏิบัติอย่างไร
ตอบ มาตรา 52 เป็นการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า ในส่วนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในทางการค้า ตามกฎกระทรวง ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตเก็บ จัดหา หรือรวบรวมพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปหรือพันธุ์พืชป่า เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัยเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และการทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ พ.ศ. 2553 ซึ่งกำหนดให้ ผู้ใดเก็บ จัดหา หรือรวบรวมพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป พันธุ์พืชป่า หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพันธุ์พืชดังกล่าว เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัยเพื่อประโยชน์ในทางการค้า จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ โดยนำเงินรายได้ตามข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ส่งเข้ากองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช มาตรา 53 เป็นการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า ในส่วนที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในทางการค้า ตามระเบียบคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชว่าด้วย การศึกษา ทดลองหรือวิจัย พันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า ที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ทางการค้า พ.ศ. 2547 ซึ่งกำหนดให้ ผู้ใดทำการศึกษา ทดลองหรือวิจัย พันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชดังกล่าว โดยมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ทางการค้าให้แจ้งเป็นหนังสือตามแบบที่กำหนดต่ออธิบดีกรมวิชาการเกษตร เมื่อตรวจสอบเอกสารแล้ว พบว่า ถูกต้อง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหนังสือแจ้งการรับทราบ (แบบตอบรับการแจ้ง) ต่อผู้แจ้ง โดยที่ผู้แจ้งจะต้องไม่ส่งมอบพันธุ์พืชดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น และเมื่อสิ้นสุดการศึกษา ทดลองหรือวิจัย ผู้แจ้งอาจส่งผลการศึกษา ทดลอง หรือวิจัยนั้น ให้แก่กรมวิชาการเกษตร เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนต่อไป
การยื่นจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 ต้องตรวจสอบว่า ในขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ นั้น นักปรับปรุงพันธุ์ได้ใช้ประโยชน์จากพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป หรือพันธุ์พืชป่าหรือไม่ หากเป็นการใช้ประโยชน์เพื่อการค้าก็ต้องมายื่นอนุญาตฯ ตามมาตรา 52 และจัดทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ แต่หากไม่มีประโยชน์ทางการค้า ขอให้แจ้งตามมาตรา 53 เท่านั้น
เกี่ยวกับการพิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพ
1. การทำหนังสือเพื่อขออนุญาตเข้าใช้บริการพิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพ ต้องทำหนังสือเรียนถึงใคร
ตอบ พิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร การทำหนังสือเพื่อขออนุญาตใดใด จึงให้ส่งไปยัง ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร ที่อยู่ สำนักคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร 50 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพ 10900 ทั้งนี้ทั้งนั้น มีมติให้หัวหน้ากลุ่มวิจัยพฤกษศาสตร์และพิพิธภัณฑ์พืช เป็นภัณฑารักษ์โดยตำแหน่ง สามารถสั่งการและวินิจฉัยการให้บริการของพิพิธภัณฑ์พืชได้ ดังนั้น จึงอนุโลมให้สามารถทำหนังสือเพื่อขออนุญาตเข้าใช้พิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพ เรียนมายัง ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพฤกษศาสตร์และพิพิธภัณฑ์พืช สำนักคุ้มครองพันธุ์พืช ได้อีกช่องทางหนึ่ง โดยแจ้งความประสงค์ กลุ่มพืชที่ขอเข้าศึกษา ระยะเวลา รายละเอียดชื่อและจำนวนผู้ขอเข้าหอพรรณไม้ ตามแบบฟอร์มที่ ……..และกรุณาอ่านระเบียบการใช้บริการพิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพได้ที่
2. ต้องการส่งตัวอย่างพรรณไม้เพื่อใช้เป็นตัวอย่างพรรณไม้อ้างอิงงานวิจัย (voucher specimens) หรือเพื่อขอหมายเลขอ้างอิงงานวิจัย จะต้องเตรียมตัวอย่างพรรณไม้อย่างไร
ตอบ ตัวอย่างที่จะส่งมาขอหมายเลขอ้างอิงงานวิจัยจะต้องเป็นตัวอย่างที่ประกอบด้วยกิ่งที่มีใบสมบูรณ์ มีดอกและ/หรือผลที่สมบูรณ์ โดยจัดและตัดแต่งตัวอย่างลงในกระดาษหนังสือพิมพ์ มีขนาดกว้าง-ยาว ไม่เกิน 25 x 42 ซม. และเห็นส่วนต่างๆ ชัดเจน ได้แก่ ใบทั้งด้านหน้าและหลัง ดอก-ผล ที่ไม่ถูกส่วนอื่นปิดบัง และจะต้องจัดทำแผ่นบันทึกข้อมูลภาคสนามขนาดประมาณ 11 x 15 ซม. โดยระบุรายละเอียดดังนี้ ชื่อวงศ์พืช (family) ชื่อวิทยาศาสตร์ (botanical name) ชื่อพื้นเมือง (local name) วัน เดือน ปี ที่เก็บ (date/month/year) สถานที่เก็บ (locality) ถิ่นที่อยู่ (habitat) บันทึกข้อมูล (notes) ลักษณะต่างๆ ของพืชที่ไม่สามารถเห็นได้เมื่อตัวอย่างแห้ง เช่น ความสูงทั้งต้น เปลือก น้ำยาง กลิ่น สีของดอกและผล เป็นต้น ชื่อและหมายเลขผู้เก็บ (collector name, collector number) และระบุว่าเป็น voucher specimen ของการวิจัยเรื่องใด
3. ตัวอย่างพรรณไม้ในหอพรรณไม้ มาจากไหน ใครเป็นคนรวบรวม
ตอบ ตัวอย่างพรรณไม้ในหอพรรณไม้ส่วนใหญ่เก็บโดยนักวิชาการของสำนักงานหอพรรณไม้ โดยจะสำรวจและเก็บตัวอย่างพรรณไม้จากพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อนำมาจัดเก็บตามขั้นตอน โดยแบ่งเป็น
1. ตัวอย่างพรรณไม้ที่ได้จากการออกสำรวจและเก็บตามกลุ่มพืชที่ผู้เก็บสนใจศึกษาเป็นหลัก เพื่อเป็นตัวอย่างพรรณไม้อ้างอิง และใช้ในการเทียบเคียงตัวอย่างพรรณไม้สำหรับการศึกษาวิจัยด้านอนุกรมวิธานพืช
2. ตัวอย่างพรรณไม้ที่เก็บตามโครงการศึกษาวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพืช เช่นนิเวศวิทยา
3. ตัวอย่างพรรณไม้ที่ได้รับมาจากหน่วยงานอื่นทั้งภายในและต่างประเทศ หรือ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เก็บมาให้ตรวจวิเคราะห์ วิธีการเก็บตัวอย่างพรรณไม้สามารถทำได้ดังนี้
- เก็บตัวอย่างโดยเก็บจากกิ่งที่มีใบ ดอก หรือผล และอาจเห็นระยะต่าง ๆ เช่น ใบอ่อน-ใบแก่ ดอกตูม-ดอกบาน ผลอ่อน-ผลแก่ จำนวนตามความเหมาะสม แล้วแต่กรณี
- บันทึกรายละเอียดต่างๆ ของพรรณไม้ ดังนี้ วัน เดือน ปี ที่เก็บ สถานที่เก็บ ถิ่นที่อยู่ บันทึกข้อมูล ลักษณะต่างๆ ของพืชที่ไม่สามารถเห็นได้เมื่อตัวอย่างแห้ง เช่น ความสูงทั้งต้น เปลือก น้ำยาง กลิ่น สีของดอกและผล เป็นต้น ชื่อและหมายเลขผู้เก็บ
- ตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ได้ขนาดตามต้องการ โดยขนาดไม่ควรเกินครึ่งหนึ่งของหนังสือพิมพ์หน้าเดียว
- อัดตัวอย่างพรรณไม้ลงในกระดาษหนังสือพิมพ์ ให้เห็นส่วนประกอบต่าง ๆ ชัดเจน เห็นการเรียงตัวของใบ และใบควรมีทั้งใบคว่ำและหงาย ถ้ามีขนาดใหญ่เกินให้หักพับได้ ระหว่างกระดาษหนังสือพิมพ์ให้สอดกระดาษลูกฟูกคั่นไว้ นำไปใส่แผงอัด รัดให้แน่น
- นำแผงอัดตัวอย่างพรรณไม้ที่ได้ไปเข้าตู้อบหรือถ้าเป็นตัวอย่างบาง ๆ อาจใช้วิธีการตากแดดจนตัวอย่างพรรณไม้แห้งสนิท ถ้าต้องการเก็บตัวอย่างพรรณไม้นั้นไว้นาน ๆ ให้นำตัวอย่างที่ได้ไปอาบน้ำยาเพื่อป้องกันแมลงต่อไป
4. กระดาษที่หอพรรณไม้ใช้เย็บตัวอย่างพรรณไม้แห้งมีขนาด และความหนาเท่าใด
ตอบ ขนาดกว้าง 26.2 เซนติเมตร ยาว 44.3 เซนติเมตร ความหนา 300 แกรม