เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ดร.ภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และรองหัวหน้าชุดเฉพาะกิจพญานาคราช เดินทางไปตรวจติดตามการปฏิบัติงานของชุด ฉก. พญานาคราช ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร โดยได้ประชุมร่วมกับด่านตรวจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ด่านตรวจพืชมุกดาหาร ด่านกักกันสัตว์มุกดาหาร และด่านตรวจประมงมุกดาหาร) พร้อมหน่วยงานความมั่นคง (บก.ควบคุมที่ 1 กกล.สุรศักดิ์มนตรี) ด่านศุลกากรมุกดาหาร สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร เพื่อหารือแนวทางการดำเนินคดีและปราบปรามผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร ตามนโยบายของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ประกาศสงครามกับสินค้าที่ผิดกฎหมาย เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร และป้องกันการระบาดของโรคแมลง และศัตรูพืชที่ปนมากับสินค้าที่ลักลอบนำเข้า
การลักลอบการนำเข้าสินค้าเกษตรบริเวณชายแดน โดยเฉพาะแนวชายแดนแม่น้ำโขง เป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน ชุด ฉก.พญานาคราช จึงร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ มีมาตรการป้องปราม เฝ้าระวัง ไม่ให้มีการขนย้าย และลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาของสินค้าเกษตรของเกษตรกรภายในประเทศ
ดร.ภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การติดตามคดีการลักลอบ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 ซึ่งชุด ฉก.พญานาคราช พร้อมหน่วยงานความมั่นคง (บก.ควบคุมที่ 1 กกล.สุรศักดิ์มนตรี) จับกุมเรือต้องสงสัย จำนวน 1 ลำ บรรทุกกระเทียม จำนวน 274 กระสอบ น้ำหนัก 5,480 กิโลกรัม มูลค่า 583,072 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน ขยายผลต่อไป โดยกระเทียม เป็นสินค้าพืช เรียกว่าสิ่งกำกัด ตาม พ.ร.บ. กักพืช พ.ศ.2507 การนำเข้าต้องแจ้งการนำเข้า ณ ด่านตรวจพืช ต้องมีใบรับรองสุขอนามัยพืช จากประเทศส่งออกเพื่อยืนยันการปลอดโรค แมลง และศัตรูพืช และต้องได้รับการตรวจสอบสินค้าจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 10 มีความผิดตามมาตรา 21 ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ