ศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตร ได้รวบรวมพันธุ์พริกชี้ฟ้าที่เกษตรกรแต่ละภูมิภาคปลูกเป็นการค้า รวมทั้งนำพันธุ์มาจากต่างประเทศนำมาปลูกศึกษาพันธุ์จำนวน 15 พันธุ์ ในปี พ.ศ. 2527 และทำการเปรียบเทียบพันธุ์คัดเลือกพันธุ์จากแปลงรวบรวม และศึกษาพันธุ์พ.ศ.2528-2534 พบว่ามี 5 พันธุ์ ที่ให้ผลผลิตสูง และให้ผลมีคุณภาพในการทำเป็นพริกแห้งได้ดี แต่เป็นพันธุ์ที่มีความแปรปรวนในพันธุ์เล็กน้อยจึงได้นำทั้ง 5 พันธุ์มาคัดเลือกให้ได้สายพันธุ์บริสุทธิ์ พันธุ์ใหม่ที่มีความสม่ำเสมอ
ผลผลิตพริกแห้งเฉลี่ย 378 กิโลกรัมต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์บางช้างประมาณ 37 เปอร์เซ็นต์ คุณภาพดีตรงกับความต้องการของตลาดคือเมื่อเป็นพริกแห้งจะมีผิวค่อนข้างเรียบเป็นมัน(พันธุ์บางช้างมีผิวค่อนข้างย่นกว่า)ใช้เวลาตากแห้งเพื่อทำพริกแห้งประมาณ 3-7 วัน ซึ่งน้อยกว่าพันธุ์บางช้าง
ปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ซึ่งมีดินร่วนหรือร่วนปนทรายไม่เป็นดินเหนียวจัดมีการระบายน้ำดีเป็นพริกชี้ฟ้าที่ปลูกได้ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง ควรใช้ระยะปลูก 50x50 เซนติเมตร จำนวน 2 ต้นต่อหลุม
เนื่องจากเป็นพริกที่ไม่ต้านทานโรคกุ้งแห้งหรือโรคแอนแทรคโนส ดังนั้นถ้ามีฝนตกติดต่อกันหลายวันในช่วงฤดูฝนควรพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคกุ้งแห้งหรือโรคแอนแทรคโนสที่เกิดกับผล
พันธุ์แนะนำ รับรองเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2540
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2