ชื่อสามัญ กาแฟโรบัสต้า: พันธุ์ชุมพร 1 Robusta coffee
ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea robusta Pierre ex Froehner L.
ชื่ออื่นๆ
ถิ่นกำเนิดและประวัติความเป็นมา
เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 โดยการเก็บรวบรวมสายพันธุ์กาแฟจากแหล่งปลูกต่างๆ ที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์ 1/11 จากคุณรัตนา อำเภอสวี จังหวัดชุมพร มาปลูกรวบรวมไว้ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร เนื่องจากเกษตรกรนิยมปลูกแล้วเก็บเมล็ดพันธุ์มาขยายพันธุ์ต่อ ๆ กัน จึงทำให้คุณภาพกาแฟมีความหลากหลายและกาแฟโรบัสตาเป็นพืชผสมข้ามทำให้เมล็ดกาแฟที่ผลิตได้มีผลผลิตต่ำ และมาตรฐานไม่ตรงตามที่ตลาดต้องการ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงได้มีการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนทำการวิจัยด้านต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาคุณภาพกาแฟให้ได้มาตรฐาน รวมถึงพันธุ์ปลูกซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ เกี่ยวกับคุณภาพเมล็ด ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพรสามารถคัดเลือกพันธุ์กาแฟที่มีลักษณะดีและเมล็ดได้มาตรฐานตามที่ตลาดต้องการแล้วจำนวนหนึ่ง โดยในปี พ.ศ. 2536-2544 ได้ทำการคัดเลือกพันธุ์กาแฟได้ 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ 1/11 1/13 และ 1/16 ทำการคัดเลือกและประเมินพันธุ์ตามขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์และในปีพ.ศ. 2548 ได้นำเสนอสายพันธุ์ 1/11 ให้กรมวิชาการเกษตรพิจารณาเป็นพันธุ์แนะนำ
ลักษณะทั่วไป
ลำต้นทรงพุ่มปานกลางขอบใบเป็นคลื่น ปลายใบแหลม ผิวใบมันสีเขียว
พันธุ์และการขยายพันธุ์
กาแฟโรบัสต้า: พันธุ์ชุมพร 1 การขยายพันธุ์ใช้วิธี การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และการเสียบยอด
วิธีการปลูก
1.ปลูกในช่วงต้นฝนโดยปลูกเสมอปากหลุมปลูก
2. ปักหลักไม้ผูกต้นกล้าป้องกันลมพัดต้นกาแฟโยก
3. ควรให้น้ำต่อเนื่องหลังจากปลูก 2-3 สัปดาห์หากไม่มีฝนตก
4. ควรทำร่มเงาชั่วคราวให้ต้นกล้ากรณีปลูกกลางแจ้ง
การดูแลรักษา
- การให้น้ำ ในช่วงปลูกใหม่ๆถ้าฝนไม่ตก ต้องมีการให้น้ำให้ดินชื้นสม่ำเสมอ ช่วงดอกตูมหลังจากที่ดอกเจริญเต็มที่แล้วดอกจะหยุดการเจริญเติบโต หรือเรียกได้ว่า “อยู่ในช่วงพักตัว” ช่วงนี้เป็นช่วงที่กาแฟไม่ต้องการน้ำ หลังจากดอกพักตัวเต็มที่แล้วเมื่อได้ฝนหรือน้ำจึงจะบานพร้อมเพรียงกัน หากปริมาณฝนไม่เพียงพอควรให้น้ำเพิ่มในช่วงนี้ นอกจากนั้น ช่วงติดผล และช่วงที่ผลขยายขนาดอย่างรวดเร็ว อย่าให้กาแฟขาดน้ำ ควรให้น้ำทุกๆ 3-4 สัปดาห์ต่อครั้งหากฝนไม่ตก
- การให้ปุ๋ย ในระยะกาแฟยังไม่ให้ผลผลิตใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0, 18-46-0 และ 0-0-60 หรือใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เมื่อให้ผลผลิตแล้ว (3 ปีขึ้นไป) ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0, 18-46-0 และ 0-0-60 อัตรา 60 กรัมต่อต้น
- การตัดแต่งกิ่ง ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรคหรือแมลง กิ่งแห้ง กิ่งแขนงที่ไม่ต้องการออกควรไว้กิ่งหลักเพียง 3-5 กิ่งก็เพียงพอที่กาแฟสามารถให้ผลผลิตได้ดี ไม่กระทบต่อผลผลิต
โรคและแมลงศัตรูที่สำคัญ
- โรคกิ่งแห้ง เกิดจากเชื้อรา Colletotrichum coffeanum Noack. และ Colletotrichum gloeosporioides (Penz.) Penz. and Sacc. อาการ มีรอยไหม้บนกิ่งสีเขียว ข้อและปล้องของต้นมีสีเหลืองซีด ใบเหลือง และร่วงในเวลาต่อมา กิ่งจะเหี่ยวและแห้ง ตาดอกเหี่ยว การทำลาย มักเกิดเมื่อสภาพแห้งแล้งเป็นเวลานานหรือเมื่อต้นพืชอ่อนแก่จากสาเหตุอื่นๆ เหมาะต่อเชื้อเข้าทำลายได้ การป้องกัน ตัดแต่งกิ่งเป็นโรคออกเผาทำลาย บำรุงต้นกาแฟให้แข็งแรง ใช้สารเคมีกำจัดเชื้อรา เช่น บอร์โดมิกซ์เจอร์ และ แมนโคเซป เป็นต้น
- หนอนเจาะต้นกาแฟสีแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zeuzera coffeae เกิดกับต้นและกิ่งของกาแฟทั้งต้นเล็กและต้นให้ผลผลิตแล้ว การทำลาย หนอนเจาะต้นและกิ่งจนหักโค่นล้ม การป้องกันกำจัด ทำลายพืชอาศัยรอบบริเวณสวนกาแฟ หมั่นทำความสะอาดแปลง หากพบรอยหนอนเจาะเข้าทำลายตัดกิ่งนำไปเผาทำลาย
- มอดเจาะผลกาแฟ (Coffee Berry Borer) ชื่อวิทยาศาสตร์ Hypothenemus hampei (Ferrari) ตัวเต็มวัยเป็นด้วงปีกแข็ง ตัวเมียจะเจาะปลายผลกาแฟเข้าไปถึงส่วนของเนื้อเมล็ด วางไข่ขยายพันธุ์ตัวหนอนจะกัดกินเนื้อเยื่อเป็นอาหาร ตัวเต็มวัยสามารถอาศัยอยู่ในผลกาแฟแห้งดำที่ตกค้างบนต้นและใต้ทรงต้น การป้องกันกำจัด เก็บผลกาแฟให้หมดอย่าทิ้งให้ค้างไว้บนต้น ทำกับดักล่อมอดทั้งในแปลง และโรงเก็บผลกาแฟแห้ง โดยใช้เมทิลแอลกอฮอล์ และเอธิลแอลกอฮอล์ อัตรา 1:1
การใช้ประโยชน์
- กาแฟคั่ว คือการนำสารกาแฟมาคั่วด้วยอุปกรณ์ตามประเภทของการคั่วแยกเป็นคั่วไฟแก่ คั่วไฟปานกลาง หรือคั่วไฟอ่อน แล้วยังสามารถปรุงแต่งความน่าดื่มน่าบริโภค ในภาชนะต่างๆกัน ตามสูตรผสมของผู้คั่วด้วย
- กาแฟสำเร็จรูป เป็นกาแฟที่ชงกับน้ำร้อนแล้วละลายหมดได้ทันทีโดยไม่มีกากกาแฟเหลืออยู่ สะดวกต่อการชงและการเก็บรักษา
แหล่งพืชอนุรักษ์
ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร พื้นที่ปลูกภายในศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร จำนวน 30 ต้น