ชื่อสามัญ กาแฟโรบัสต้า: พันธุ์ชุมพร 84-5 Robusta coffee
ชื่อวิทยาศาสตร์ coffea canephora Pierre ex Froehner
ชื่ออื่นๆ
ถิ่นกำเนิดและประวัติความเป็นมา
กาแฟพันธุ์โรบัสตาพันธุ์ชุมพร 84-5 หรือกาแฟโรบัสตาสายต้น FRT68 เป็นกาแฟที่ได้นำมาจากประเทศฝรั่งเศส เข้ามาในประเทศพร้อมกับกาแฟโรบัสตาสายต้น (clones) อื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 26 สายต้น ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมวิชาการเกษตรและบริษัทควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด โดยนำเข้ามาในช่วงปี 2538 – 2542 ในรูปของต้นกล้าเล็ก (plantlets) ขนาดยาวประมาณ 2-5 มม. บนอาหารวุ้น โดยต้นกล้านี้ได้จากการเพาะเลี้ยงเอเยื่อส่วนใบในสภาพปลอดเชื้อ (in vitro) กระตุ้นแคลลัสให้เกิดยอดและรากและพัฒนาเป็นต้นกล้าที่สมบูรณ์ กลุ่มสายต้นชุดนี้เป็นกลุ่มที่ 2 จำนวน 12 สายต้น ทำการปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์เขาทะลุที่เพาะจากเมล็ดจากการคัดเลือกพันธุ์ พบว่า สายต้น FRT68 และ FRT68 เป็นสายต้นที่ดีที่สุด ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์เขาทะลุ 3.9 เท่า และคุณภาพของเมล็ดดีเป็นที่ยอมรับของตลาดสมควรให้เป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตรเพื่อเผยแพร่ให้เกษตรกรปลูกต่อไป จากข้อมูลบริษัทควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (นิรนาม,2545) รายงาน ว่า กาแฟโรบัสตาสายต้น FRT68 เป็นสายต้นที่ได้จากประเทศจีน เป็นสายต้นในกลุ่มคองโกลิส (C/Congolese type)
ลักษณะทั่วไป
ลักษณะลำต้นตั้งตรง ใบรูปร่างรี ขอบใบเรียบ เป็นคลื่นปลายใบแหลม ผิวใบมันสีเขียว แผ่นใบส่วนที่อยู่ระหว่างเส้นใบโป่งออกทางด้านที่เป็นมัน ดอกสีขาว ผลรูปร่างรีแบนคล้ายผลละหุ่ง รูปร่างเมล็ดกลมรี
พันธุ์และการขยายพันธุ์
กาแฟโรบัสตา: พันธุ์ชุมพร 84-5 การขยายพันธุ์ใช้วิธี การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และการเสียบยอด
วิธีการปลูก
1.ปลูกในช่วงต้นฝนโดยปลูกเสมอปากหลุมปลูก
2. ปักหลักไม้ผูกต้นกล้าป้องกันลมพัดต้นกาแฟโยก
3. ควรให้น้ำต่อเนื่องหลังจากปลูก 2-3 สัปดาห์หากไม่มีฝนตก
4. ควรทำร่มเงาชั่วคราวให้ต้นกล้ากรณีปลูกกลางแจ้ง
การดูแลรักษา
- การให้น้ำ ในช่วงปลูกใหม่ๆถ้าฝนไม่ตก ต้องมีการให้น้ำให้ดินชื้นสม่ำเสมอ ช่วงดอกตูมหลังจากที่ดอกเจริญเต็มที่แล้วดอกจะหยุดการเจริญเติบโต หรือเรียกได้ว่า “อยู่ในช่วงพักตัว” ช่วงนี้เป็นช่วงที่กาแฟไม่ต้องการน้ำ หลังจากดอกพักตัวเต็มที่แล้วเมื่อได้ฝนหรือน้ำจึงจะบานพร้อมเพรียงกัน หากปริมาณฝนไม่เพียงพอควรให้น้ำเพิ่มในช่วงนี้ นอกจากนั้น ช่วงติดผล และช่วงที่ผลขยายขนาดอย่างรวดเร็ว อย่าให้กาแฟขาดน้ำ ควรให้น้ำทุกๆ 3-4 สัปดาห์ต่อครั้งหากฝนไม่ตก
- การให้ปุ๋ย ในระยะกาแฟยังไม่ให้ผลผลิตใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0, 18-46-0 และ 0-0-60 หรือใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เมื่อให้ผลผลิตแล้ว (3 ปีขึ้นไป) ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0, 18-46-0 และ 0-0-60 อัตรา 60 กรัมต่อต้น
- การตัดแต่งกิ่ง ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรคหรือแมลง กิ่งแห้ง กิ่งแขนงที่ไม่ต้องการออกควรไว้กิ่งหลักเพียง 3-5 กิ่งก็เพียงพอที่กาแฟสามารถให้ผลผลิตได้ดี ไม่กระทบต่อผลผลิต
โรคและแมลงศัตรูที่สำคัญ
- โรคกิ่งแห้ง เกิดจากเชื้อรา Colletotrichum coffeanum Noack. และ Colletotrichum gloeosporioides (Penz.) Penz. and Sacc. อาการ มีรอยไหม้บนกิ่งสีเขียว ข้อและปล้องของต้นมีสีเหลืองซีด ใบเหลือง และร่วงในเวลาต่อมา กิ่งจะเหี่ยวและแห้ง ตาดอกเหี่ยว การทำลาย มักเกิดเมื่อสภาพแห้งแล้งเป็นเวลานานหรือเมื่อต้นพืชอ่อนแก่จากสาเหตุอื่นๆ เหมาะต่อเชื้อเข้าทำลายได้ การป้องกัน ตัดแต่งกิ่งเป็นโรคออกเผาทำลาย บำรุงต้นกาแฟให้แข็งแรง ใช้สารเคมีกำจัดเชื้อรา เช่น บอร์โดมิกซ์เจอร์ และ แมนโคเซป เป็นต้น
- หนอนเจาะต้นกาแฟสีแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zeuzera coffeae เกิดกับต้นและกิ่งของกาแฟทั้งต้นเล็กและต้นให้ผลผลิตแล้ว การทำลาย หนอนเจาะต้นและกิ่งจนหักโค่นล้ม การป้องกันกำจัด ทำลายพืชอาศัยรอบบริเวณสวนกาแฟ หมั่นทำความสะอาดแปลง หากพบรอยหนอนเจาะเข้าทำลายตัดกิ่งนำไปเผาทำลาย
- มอดเจาะผลกาแฟ (Coffee Berry Borer) ชื่อวิทยาศาสตร์ Hypothenemus hampei (Ferrari) ตัวเต็มวัยเป็นด้วงปีกแข็ง ตัวเมียจะเจาะปลายผลกาแฟเข้าไปถึงส่วนของเนื้อเมล็ด วางไข่ขยายพันธุ์ตัวหนอนจะกัดกินเนื้อเยื่อเป็นอาหาร ตัวเต็มวัยสามารถอาศัยอยู่ในผลกาแฟแห้งดำที่ตกค้างบนต้นและใต้ทรงต้น การป้องกันกำจัด เก็บผลกาแฟให้หมดอย่าทิ้งให้ค้างไว้บนต้น ทำกับดักล่อมอดทั้งในแปลง และโรงเก็บผลกาแฟแห้ง โดยใช้เมทิลแอลกอฮอล์ และเอธิลแอลกอฮอล์ อัตรา 1:1
การใช้ประโยชน์
- กาแฟคั่ว คือการนำสารกาแฟมาคั่วด้วยอุปกรณ์ตามประเภทของการคั่วแยกเป็นคั่วไฟแก่ คั่วไฟปานกลาง หรือคั่วไฟอ่อน แล้วยังสามารถปรุงแต่งความน่าดื่มน่าบริโภค ในภาชนะต่างๆกัน ตามสูตรผสมของผู้คั่วด้วย
- กาแฟสำเร็จรูป เป็นกาแฟที่ชงกับน้ำร้อนแล้วละลายหมดได้ทันทีโดยไม่มีกากกาแฟเหลืออยู่ สะดวกต่อการชงและการเก็บรักษา
แหล่งพืชอนุรักษ์
ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร พื้นที่ปลูกภายในศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร จำนวน 0.5 ไร่