Search for:

ชื่อสามัญ  ชา

ชื่อวิทยาศาสตร์   Camellia sinensis (L.) O. Kuntze.

ชื่ออื่นๆ 

ถิ่นกำเนิดและประวัติความเป็นมา

ชา เป็นไม้ไม่ผลัดใบในวงศ์ (Family) Theaceae สกุล (Genus) Camellia พืชในสกุลนี้มีมากกว่า 200 ชนิด แต่ชนิดที่จัดว่ามีคุณค่าทางเศรษฐกิจมากที่สุดคือ ชา (Tea) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Camellia sinensis (L.) O. Kuntze. มีจำนวนโครโมโซม (2n)=30

ชาชนิดที่ใช้แปรรูปเป็นเครื่องดื่มสามารถแบ่งตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ประกอบด้วย 3 กลุ่มพันธุ์  ดังนี้

  1. กลุ่มพันธุ์ชาจีน (C. sinensis var. sinensis)
  2. กลุ่มพันธุ์ชาอัสสัม (C. sinensis var. assamica)
  3. กลุ่มพันธุ์ชาเขมร (C. sinensis var. Indo-china)

แต่การแบ่งกลุ่มตามประโยชน์ในทางการค้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ

  1. กลุ่มชาจีน (China tea) เป็นกลุ่มที่เหมาะสำหรับใช้แปรรูปเป็นชาใบ เช่น ชาเขียว ชาจีน
  2. กลุ่มชาอัสสัม (Assam tea) เป็นกลุ่มที่เหมาะสำหรับใช้ยอดชาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชาฝรั่งชนิดต่าง ๆ
  3. กลุ่มชาลูกผสม (Hybrid tea) จัดเป็นกลุ่มที่มีปริมาณมากที่สุด เนื่องจากชาเป็นพืชผสมข้าม จึงทำให้ชาที่ปรากฏโดยทั่วไปเป็นชาลูกผสมระหว่างกลุ่มพันธุ์ชาทั้งสามกลุ่มดังกล่าวข้างต้น สำหรับการใช้ประโยชน์จากชากลุ่มนี้ สามารถใช้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชาได้ทั้งชาใบและชาฝรั่ง

ลักษณะทั่วไป

ลักษณะลำต้นเป็นพุ่มเตี้ย สูงประมาณ 2-6 เมตร ใบมีสีเขียวเข้ม ขนาดเล็ก ยาวแคบ ตั้งตรง ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย ผิวใบเรียบ ใบค่อนข้างตั้งกว่าชาอัสสัม การเรียงตัวของใบเป็นแบบสลับและเกลียว ต้นเจริญเติบโตช้ากว่าชาอัสสัม ทนทานต่ออุณหภูมิต่ำและสภาพแวดล้อมที่แปรปรวนได้ดี

พันธุ์และการขยายพันธุ์

ใช้กิ่งปักชำ สามารถนำเมล็ดไปเพาะได้

วิธีการปลูก

       1.เลือกพื้นที่ เมื่อเลือกพื้นที่ได้แล้ว ต้องทำการกำจัดต้นไม้ขนาดเล็ก และวัชพืชออก อาจเหลือต้นไม้ขนาดใหญ่ไว้เป็นร่มเงาของชาได้ ถ้าเป็นพื้นที่ลาดชันควรทำขั้นบันได (กว้างไม่น้อยกว่า 2 ม.)

  1. ขุดหลุมปลูก กว้างxยาวxลึก ประมาณ 40x40x40 ซม. โดยขุดเป็นร่อง (ควรเตรียมหลุมปลูกก่อนย้ายปลูกประมาณ 6 เดือน)
  2. ย้ายกล้า ช่วงกลางฤดูฝน ทำการย้ายต้นกล้า (อายุกล้า 12-18 เดือน) ลงปลูกในร่องโดยใช้ระยะระหว่างต้น 40-50 ซม. ระยะระหว่างแถวประมาณ 150-180 ซม. ก่อนปลูกควรรองก้นหลุมด้วยหินฟอสเฟต 50-80 กก./ไร่

การดูแลรักษา

1.หลังย้ายปลูก ควรคลุมโคนต้นหรือแปลงปลูก เพื่อควบคุมความชื้น มีการบังร่มให้กับต้นกล้า (กรณีฝนทิ้งช่วง และ แดดจัด) เมื่อต้นกล้าตั้งตัวดีแล้ว จึงตัดยอดที่ความสูง 10-15 ซม. จากพื้นดิน
2.การควบคุมทรงพุ่ม ในปีที่ 2 ตัดที่ระดับ 25-30 ซม. ปีที่ 3 ตัดที่ระดับ 30-35 ซม. ปีที่ 4 ตัดที่ระดับ 40-45 ซม. (การตัดแต่งประจำปีควรทำในช่วงปลายพฤศจิกายน-ต้นมกราคม) หลังจากต้นชาอายุ 4 ปี ให้ตัดทรงพุ่มสูงเพิ่มขึ้น 3-5 ซม. จากระดับตัดแต่งในปีที่ผ่านมา
3.การใส่ปุ๋ย แนะนำให้ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน อัตรา  80 กก. ฟอสฟอรัส อัตรา 24 กก. และ โพแทสเซียม อัตรา 26 กก. ต่อปี แบ่งใส่ 2 ครั้ง ในช่วงต้นฝน และ ปลายฝน โดยในปีที่ 1 ใส่อัตรา 20 กก./ไร่ ปีที่ 2 ใส่อัตรา 40 กก./ไร่ ปีที่ 3 ใส่ 60 กก./ไร่ หลังจากปีที่ 4 เป็นต้นไป ใส่อัตรา 80 กก./ไร่ และควรใส่ปุ๋ยคอกอย่างน้อยปีละ 2 ตัน
4.การเก็บผลผลิต

4.1 สำหรับชาจีน ควรเก็บเมื่อใบยอดคลี่ออกเต็มที่อย่างน้อย 5 ใบ โดยเลือกเก็บยอดที่มี 3 ใบ (1 ยอดตูม 2 ใบบาน) เริ่มเก็บเมื่อมีใบยอดอย่างน้อย 70 % ของพื้นที่

4.2 สำหรับชาฝรั่ง ควรเลือกเก็บแบบเดียวกับชาจีน แต่ถ้าเก็บใบมากกว่าที่กำหนดจะได้ชาฝรั่งคุณภาพต่ำ

โรคและแมลงศัตรูที่สำคัญ

 

การใช้ประโยชน์

  1.  ส่วนประกอบสำคัญในใบชาสารโพลีฟีนอลสารโพลีฟีนอลที่พบในใบชามี 8 ชนิด ได้แก่  catechin (C), gallocatechin (GC), catechin gallate (CG), gallocatechin gallate (GCG), epicatechin (EC), epicatechin 3-gallate (ECG), epigallocatechin (EGC) และ epigallocatechin3-gallate (EGCG) ในจำนวนทั้งหมดนี้ สาร EGCG จะมีความสำคัญต่อคุณสมบัติในการป้องกันและรักษาโรคมากที่สุด โดยช่วยต่อต้านขบวนการเกิดมะเร็ง (anticarcinogenic) ต่อต้านขบวนการอักเสบ(antiinflammatory) ลดระดับน้ำตาล และคลอเลสเตอรอลในเลือด ให้ความร้อนแก่ร่างกาย (thermogenic) กระตุ้นการเจริญของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้ (probiotic) และ ต่อต้านการเจริญของจุลชีพที่เป็นโทษ (antimicrobial)คาเฟอีนการดื่มชาจะทำให้เกิดความกระปรี้กระเปร่า เนื่องจากสารเคมีที่เรียกว่าคาเฟอีนที่มีอยู่ในใบมีอิทธิพลต่อระบบประสาทส่วนกลาง(เป็นสารชนิดเดียวกันกับที่มีในกาแฟ)คลอโรฟิลล์ในผลิตภัณฑ์ชาโดยเฉพาะชาเขียว จะมีขบวนการแปรรูปที่ไม่ทำให้คลอโรฟิลล์ และ แร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบสลายตัว ซึ่งคลอโรฟิลล์ที่มีอยู่นี้จะปลดปล่อยธาตุที่มีประโยชน์ต่อกระบวนการเมตาโบลิซึมในร่างกายวิตามินซีในชาเขียว มีปริมาณวิตามินซี ซึ่งล้วนจำเป็นต่อร่างกายในการเสริมสร้างทางด้านสุขภาพ นอกจากนี้ชาเขียวยังมีคุณประโยชน์ คือ สามารถช่วยระงับกลิ่นปากได้ดีอีกด้วย

แหล่งพืชอนุรักษ์

ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่