ดาหลา : พันธุ์ยะลา 1 - 4, พันธุ์ตรัง 1 - 5
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/07/332_1.jpg)
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/07/332_2.jpg)
ดาหลา : พันธุ์ยะลา 1
วันที่รับรอง 15 มกราคม 2562
ลักษณะเด่น
1. ช่อดอกทรงถ้วย สีแดงเข้ม (R53A) กลีบประดับหนาเรียงเป็นระเบียบคล้ายดอกบัว ก้านช่อดอก สีแดงอมเขียว (R51A) ขนาดช่อดอก กว้าง x ยาว 7.58 x 7.73 เซนติเมตร เล็กกว่าพันธุ์แดงดกที่มีขนาดช่อดอก 17.01 x 8.21 เซนติเมตร
2. น้าหนักดอกเฉลี่ย 133.29 กรัม เมื่อดอกบาน 80 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าพันธุ์แดงดก ร้อยละ 35.4
3. ผลผลิตดอก 386 ดอก/กอ/ปี (อายุ 3 ปี หลังปลูก) มากกว่าพันธุ์แดงดก ร้อยละ 101
4. อายุปักแจกัน 5 วัน เมื่อดอกบาน 80-100 เปอร์เซ็นต์
พื้นที่แนะนำ
ปลูกได้ทั่วไปในดินร่วนอุดมสมบูรณ์ ควรปลูกในที่มีปริมาณความเข้มแสง 80–100 เปอร์เซ็นต์ อุณหภูมิเฉลี่ย 17-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 50–81 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,100–3,300 มิลลิเมตร/ปี
ข้อควรระวัง
ควรเลือกพื้นที่ปลูกที่ไม่เคยมีประวัติของโรคเหี่ยว (Ralstonia solanacearum) และไม่เคยปลูกพืชอาศัยของโรคนี้ เช่น พืชตระกูลขิง มะเขือเทศ มันฝรั่ง งา ยาสูบ และหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำท่วม
ดาหลา : พันธุ์ยะลา 2
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/07/333_1.jpg)
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/07/333_2.jpg)
ดาหลา : พันธุ์ยะลา 2
วันที่รับรอง 15 มกราคม 2562
ประวัติ
ลักษณะประจำพันธุ์
ลักษณะเด่น
1. ช่อดอกทรงถ้วย สีแดงอมส้ม (R53C) ขอบกลีบประดับสีเขียวอ่อนเด่นสะดุดตาเรียงซ้อนหลายชั้นเรียงเป็นระเบียบคล้ายดอกบัว ก้านช่อดอกสีเขียวอมเหลือง (YG143B) ขนาดช่อดอก กว้าง x ยาว 7.02 x 7.39 เซนติเมตร เล็กกว่า พันธุ์แดงดก ที่มีขนาดช่อดอก 17.01 x 8.21 เซนติเมตร
2. น้ำหนักดอกเฉลี่ย 98.00 กรัม เมื่อดอกบาน 80 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าพันธุ์แดงดก ร้อยละ 52.48
3. ผลผลิตดอก 300 ดอกต่อกอต่อปี (อายุ 3 ปี หลังปลูก) มากกว่าพันธุ์แดงดก ร้อยละ 56.25
4. อายุปักแจกัน 6 วัน เมื่อดอกบาน 80-100 เปอร์เซ็นต์
พื้นที่แนะนำ
ปลูกได้ทั่วไปในดินร่วนอุดมสมบูรณ์ ควรปลูกในที่มีปริมาณความเข้มแสง 80–100 เปอร์เซ็นต์ อุณหภูมิเฉลี่ย 17-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 50–81 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,100–3,300 มิลลิเมตรต่อปี
ข้อควรระวัง
ควรเลือกพื้นที่ปลูกที่ไม่เคยมีประวัติของโรคเหี่ยว (Ralstonia solanacearum) และไม่เคยปลูกพืชอาศัยของโรคนี้ เช่น พืชตระกูลขิง มะเขือเทศ มันฝรั่ง งา ยาสูบ และหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง
ดาหลา : พันธุ์ยะลา 3
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/07/334_1.jpg)
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/07/334_2.jpg)
ดาหลา : พันธุ์ยะลา 3
วันที่รับรอง 15 มกราคม 2562
ลักษณะเด่น
1. ช่อดอกทรงถ้วย สีแดงสด (R45A) ขอบกลีบประดับสีขาวเรียงเป็นระเบียบคล้ายดอกบัว ก้านช่อดอก สีเขียวอมเหลือง (YG152B) ขนาดช่อดอก กว้าง x ยาว 8.29 x 8.66 เซนติเมตร เล็กกว่าพันธุ์แดงดกที่มีขนาดช่อดอก 17.01 x 8.21 เซนติเมตร
2. น้ำหนักดอกเฉลี่ย 157.86 กรัม เมื่อดอกบาน 80 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าพันธุ์แดงดก ร้อยละ 23.45
3. ผลผลิตดอก 227 ดอกต่อกอต่อปี (อายุ 3 ปี หลังปลูก) มากกว่าพันธุ์แดงดก ร้อยละ 18.23
4. อายุปักแจกัน 5 วัน เมื่อดอกบาน 80-100 เปอร์เซ็นต์
พื้นที่แนะนำ
ปลูกได้ทั่วไปในดินร่วนอุดมสมบูรณ์ ควรปลูกในที่มีปริมาณความเข้มแสง 80–100 เปอร์เซ็นต์ อุณหภูมิเฉลี่ย 17-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 50–81 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,100–3,300 มิลลิเมตรต่อปี
ข้อควรระวัง
ควรเลือกพื้นที่ปลูกที่ไม่เคยมีประวัติของโรคเหี่ยว (Ralstonia solanacearum) และไม่เคยปลูกพืชอาศัยของโรคนี้ เช่น พืชตระกูลขิง มะเขือเทศ มันฝรั่ง งา ยาสูบ และหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง
ดาหลา : พันธุ์ยะลา 4
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/07/335_1.jpg)
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/07/335_2.jpg)
ดาหลา : พันธุ์ยะลา 4
วันที่รับรอง 15 มกราคม 2562
ลักษณะเด่น
1. ช่อดอกทรงถ้วย สีชมพูอมแดง (PR73B) กลีบประดับหนา ขอบกลีบประดับสีขาวเรียงเป็นระเบียบคล้ายดอกบัว ก้านช่อดอกสีเขียวอมเหลือง (YG152B) ขนาดช่อดอก กว้าง x ยาว 8.07 x 7. 93 เซนติเมตร เล็กกว่าพันธุ์แดงดกที่มีขนาดช่อดอก 17.01 x 8.21 เซนติเมตร
2. น้ำหนักดอกเฉลี่ย เมื่อดอกบาน 80 เปอร์เซ็นต์ 135.39 กรัม น้อยกว่าพันธุ์แดงดก ร้อยละ 34.35
3. ผลผลิตดอก 280 ดอกต่อกอต่อปี มากกว่าพันธุ์แดงดก ร้อยละ 45.83
4. อายุปักแจกัน 6 วัน เมื่อดอกบาน 80-100 เปอร์เซ็นต์
พื้นที่แนะนำ
ปลูกได้ทั่วไปในดินร่วนอุดมสมบูรณ์ ควรปลูกในที่มีปริมาณความเข้มแสง 80–100 เปอร์เซ็นต์ อุณหภูมิเฉลี่ย 17-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 50–81 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,100–3,300 มิลลิเมตรต่อปี
ข้อควรระวัง
ควรเลือกพื้นที่ปลูกที่ไม่เคยมีประวัติของโรคเหี่ยว (Ralstonia solanacearum) และไม่เคยปลูกพืชอาศัยของโรคนี้ เช่น พืชตระกูลขิง มะเขือเทศ มันฝรั่ง งา ยาสูบ และหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง
ดาหลา : พันธุ์ตรัง 1
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/08/KPI-ข้อมูลพืช-ตรัง1-orawan-kaewraksa.jpg)
ดาหลา : พันธุ์ตรัง 1
วันที่รับรอง 27 ส.ค. 2551
ลักษณะเด่น
มีกลีบประดับสีขาว หรือ W 155 A โดยใช้แผ่นเทียบสีของ The Royal Horticulture Society(RHS) ให้ผลผลิตเฉลี่ย 39 ดอกต่อกอต่อปี (เมื่ออายุ 3 ปีหลังปลูก) เมื่อตัดขณะดอกบาน 30 เปอร์เซ็นต์ 50 เปอร์เซ็นต์ และ 80 เปอร์เซ็นต์ จะมีอายุการปักแจกันได้นาน 7 วัน
พื้นที่แนะนำ
ปลูกได้ทั่วไปในดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ควรปลูกในที่รำไรที่มีปริมาณความเข้มแสง 60 เปอร์เซ็นต์ มีอุณหภูมิเฉลี่ย 27-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 81 เปอร์เซ็นต์ และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,144 มิลลิเมตรต่อปี
ข้อควรระวัง
ไม่ควรปลูกกลางแจ้ง เพราะมีผลต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของดอก หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง
ดาหลา : พันธุ์ตรัง 2
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/08/KPI-ข้อมูลพืช-ตรัง2-orawan-kaewraksa.jpg)
ดาหลา : พันธุ์ตรัง 2
วันที่รับรอง 27 ส.ค. 2551
ลักษณะเด่น
กลีบประดับสีบานเย็น หรือ RP 58 B โดยใช้แผ่นเทียบสีของ The Royal Horticulture Society (RHS) ให้ผลผลิตเฉลี่ย 40 ดอกต่อกอต่อปี (เมื่ออายุ 3 ปี หลังปลูก) เมื่อตัดขณะดอกบาน 30 เปอร์เซ็นต์ 50 เปอร์เซ็นต์ และ80 เปอร์เซ็นต์ จะมีอายุการปักแจกันได้นาน 8 วัน
พื้นที่แนะนำ
ปลูกได้ทั่วไปในดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ควรปลูกในที่รำไรที่มีปริมาณความเข้มแสง 60 เปอร์เซ็นต์ มีอุณหภูมิเฉลี่ย 27-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพันธ์เฉลี่ย 81 เปอร์เซนต์ และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,144 มิลลิเมตรต่อปี
ข้อควรระวัง
ไม่ควรปลูกกลางแจ้ง เพราะมีผลต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของดอก หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง
ดาหลา : พันธุ์ตรัง 3
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/08/KPI-ข้อมูลพืช-ตรัง3-orawan-kaewraksa.jpg)
ดาหลา : พันธุ์ตรัง 3
วันที่รับรอง 27 ส.ค. 2551
ลักษณะเด่น
ให้ผลผลิตเฉลี่ย 106 ดอกต่อกอต่อปี (เมื่ออายุ 3 ปี หลังปลูก) กลีบประดับสีแดง หรือ R 47 B โดยใช้แผ่นเทียบสีของ The Royal Horticulture Society (RHS) เมื่อตัดขณะดอกบาน 30 เปอร์เซ็นต์ 50 เปอร์เซ็นต์ มีอายุการปักแจกัน 8 วัน และตัดขณะดอกบาน 80 เปอร์เซ็นต์ จะมีอายุการปักแจกันได้นาน 7 วัน
พื้นที่แนะนำ
ปลูกได้ทั่วไปในดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ควรปลูกในที่รำไรที่มีปริมาณความเข้มแสง 60 เปอร์เซ็นต์ มีอุณหภูมิเฉลี่ย 27-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพันธ์เฉลี่ย 81 เปอร์เซนต์ และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,144 มิลลิเมตรต่อปี
ข้อควรระวัง
ไม่ควรปลูกกลางแจ้ง เพราะมีผลต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของดอก หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง
ดาหลา : พันธุ์ตรัง 4
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/08/ดาหลาตรัง-4-orawan-kaewraksa.jpg)
ดาหลา : พันธุ์ตรัง 4
วันที่รับรอง 27 ส.ค. 2551
ลักษณะเด่น
ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ย 136 ดอกต่อกอต่อปี (เมื่ออายุ 3 ปี หลังปลูก) ช่อดอกสีชมพูหรือ R 56 A โดยใช้แผ่นเทียบสีของ The Royal Horticulture Society (RHS) เมื่อตัดขณะดอกบาน 30 เปอร์เซ็นต์ จะมีอายุการปักแจกันได้นาน 13 วัน ถ้าตัดขณะดอกบาน 50 เปอร์เซ็นต์ และ 80 เปอร์เซ็นต์ จะมีอายุการปักแจกันได้นาน 7-8 วัน
พื้นที่แนะนำ
ปลูกได้ทั่วไปในดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ควรปลูกในที่รำไรที่มีปริมาณความเข้มแสง 60 เปอร์เซ็นต์ มีอุณหภูมิเฉลี่ย 27-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพันธ์เฉลี่ย 81 เปอร์เซนต์ และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,144 มิลลิเมตรต่อปี
ข้อควรระวัง
ไม่ควรปลูกกลางแจ้ง เพราะมีผลต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของดอก หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง
ดาหลา : พันธุ์ตรัง 5
![](https://www.doa.go.th/hort/wp-content/uploads/2023/08/KPI-ข้อมูลพืช-ตรัง5-orawan-kaewraksa.jpg)
ดาหลา : พันธุ์ตรัง 5
วันที่รับรอง 27 ส.ค. 2551
ลักษณะเด่น
เมื่อตัดขนาดดอกบาน 30 เปอร์เซ็นต์ จะมีอายุการปักแจกันได้นาน 14 วัน ตัดขนาดดอกบาน 50 เปอร์เซ็นต์ มีอายุการปักแจกันนาน 11 วัน ช่อดอกสีแดงเข้ม หรือ R 46 A โดยใช้แผ่นเทียบสีของ The Royal Horticulture Society (RHS) ให้ผลผลิตเฉลี่ย 48 ดอกต่อกอต่อปี (เมื่ออายุ 3 ปีหลังปลูก)
พื้นที่แนะนำ
ปลูกได้ทั่วไปในดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ควรปลูกในที่รำไรที่มีปริมาณความเข้มแสง 60 เปอร์เซ็นต์ มีอุณหภูมิเฉลี่ย 27-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพันธ์เฉลี่ย 81 เปอร์เซนต์ และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,144 มิลลิเมตรต่อปี
ข้อควรระวัง
ไม่ควรปลูกกลางแจ้ง เพราะมีผลต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของดอก หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง