Search for:

ชื่อสามัญ ขนุน

ชื่อวิทยาศาสตร์    Artocarpus heterophyllus Lam.

ชื่ออื่นๆ  ขะนู (ชอง-จันทบุรี) ขะเนอ (เขมร) ซีคึย, ปะหน่อย (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)  นะยวยซะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)  นากอ  (มลายู-ปัตตานี) เนน (ชาวบน-นครราชสีมา) มะหนุน (ภาคเหนือ,ภาคใต้) ล้าง,ลาน (ฉาน-เหนือ)  หมักหมี้ (ตะวันออกเฉียงเหนือ) หมากกลาง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน)

ถิ่นกำเนิดและประวัติความเป็นมา

ขนุน เป็นพันธุ์พืชที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยมีการสันนิษฐานกันว่าน่าจะอยู่ในประเทศอินเดีย จากนั้นจึงมีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังบริเวณเขตร้อนของเอเชีย ซึ่งจะพบได้มากในเอเชียตะวันออก-เฉียงใต้ เช่น ไทย พม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ ซึ่งได้มีการแพร่กระจายพันธุ์เข้ามานานมากแล้ว โดยมีปรากฏหลักฐานโบราณที่กล่าวถึงขนุนตั้งแต่ในสมัยสุโขทัย และกรุงศรีอยุธยาแล้ว ทั้งนี้ขนุนพันธุ์พื้นเมืองแท้ดั้งเดิม คือ ขนุนหนัง และขนุนละมุด (ขนุนหิน) แต่ในปัจจุบันมีการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ๆ มีหลากหลายพันธุ์ เช่น ขนุนพันธุ์ทองสุดใจ, ศรีบรรจง, จำปากรอบ เป็นต้น

ลักษณะทั่วไป

ขนุน จัดเป็นไม้ยืนต้นเนื้ออ่อนขนาดใหญ่ สูงประมาณ 8-15เมตร (แต่บางต้นอาจสูงได้ถึง 30 เมตร) ลำต้นตั้งตรง สีน้ำตาลอมเทา แกนไม้สีเหลืองทอง พุ่มทึบ แตกกิ่งก้านสาขามาก กิ่งและลำต้นเมื่อมีแผลจะมีน้ำยางสีขาวข้นไหลออกมา ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ แผ่นใบรูปรี ปลายใบทู่ ถึงแหลม โคนใบมน ผิวด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านหลังสีเขียวนวล เนื้อใบหนา และเหนียวผิวใบด้านล่างจะสากมือ ขนาดของใบกว้าง 5-8 เซนติเมตร ยาว 10-15 เซนติเมตร ดอก ดอกออกเป็นกลุ่มแบบช่อเชิงลด โดยช่อดอกตัวเมีย และตัวผู้จะอยู่บนต้นเดียวกัน ช่อดอกตัวผู้ จะออกที่โคนกิ่งลำต้น และง่ามใบ ลักษณะของดอกเป็นแท่งยาวประมาณ 2.5 ซม. มีกลิ่นหอมคล้ายส่าเหล้า ส่วนช่อดอกตัวเมียเป็นแท่งกลมออกจากลำต้น และก้านขนานใหญ่ ซึ่งในแต่ละรอบของการออกดอก จะมีเกสรตัวผู้มากกว่าเกสรตัวเมียเสมอ ผล ออกเป็นผลรวม โดยเกิดจากดอกทั้งช่อที่เจริญร่วมกันเป็นผลรวม โดย 1 ดอก กลายเป็น 1 ยวง (เนื้อขนุน) ใน 1 ผลจึงมีหลายยวง ผลมีลักษณะกลมขนาดใหญ่ หนักตั้งแต่ 5-60 กิโลกรัม (ตามสายพันธุ์) ผลดิบเปลือกสีเขียว หนามทู่ ถ้ากรีดเปลือกจะมียางเหนียวข้นออกมาก เมื่อผลแก่ เปลือกจะเป็นสีน้ำตาลอมเหลืองตาและหนามจะป้านขึ้น เมล็ด ลักษณะกลมรี เนื้อหุ้มเมล็ดสีเหลือง ถ้าสุกมีกลิ่นหอม เปลือกหุ้มเมล็ดบาง รับประทานได้

พันธุ์และการขยายพันธุ์

ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่ง ทาบกิ่ง ติดตาและเพาะเมล็ด

วิธีการปลูก

ขนุนปลูกได้ทั้งแบบยกร่อง และแบบปลูกในที่ดอน โดยควรปลูกเป็นแถวเป็นแนว เพื่อสะดวกในการดูแลรักษา และการปฏิบัติงาน ระยะห่างระหว่างต้น หรือ ระหว่างหลุมคือ 8×8 เมตร หรือ 10×10 เมตร เป็นระยะที่เหมาะสำหรับการปลูกแบบไร่ ส่วนการปลูกแบบร่อง ระยะห่างระหว่างต้น คือ 6×6 เมตร เพราะต้นขนุนมักมีขนาดเล็กกว่าการปลูกแบบไร่สำหรับขนาดของหลุมปลูก ให้ขุดหลุมขนาด กว้าง ยาว ลึก 50-100 เซนติเมตร (ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน) ในพื้นที่ 1 ไร่ สำหรับระยะปลูก 10×10 เมตร สามารถปลูกได้ 16 ต้น สำหรับระยะปลูก 6×6 เมตร สามารถปลูกได้ 45 ต้น

การดูแลรักษา

ขนุนต้นเล็กสูงไม่เกิน 2 เมตร สามารถให้น้ำวันเว้นวันแล้วแต่สภาพอากาศ เมื่อต้นโตมีความสูงเกิน 2 เมตร สามารถให้น้ำได้อาทิตย์ละ 2 วันได้ ช่วงนี้ขนุนบางต้นจะติดลูก ควรให้เด็ดทิ้งให้หมด เพราะลำต้นยังไม่แข็งแรงพอในการรับน้ำหนักของผล เมื่อายุต้นได้ 5-6 ปี จึงสามารถปล่อยให้ติดผลได้แต่ต้องมีไม้ค่ำยันลำต้น หรือมีวัสดุรองรับผลขนุนที่มีขนาดใหญ่

โรคและแมลงศัตรูที่สำคัญ

เพลี้ยแป้ง หนอนเจาะลำต้น นก หนู กระรอก สัตว์กัดแทะ

การใช้ประโยชน์

  1. ยวงและเมล็ด รับประทานเป็นอาหาร
  2. แก่นของต้นขนุนมีสีเหลือง นำมาต้มย้อมผ้าจะให้สีน้ำตาลแก่
  3. ส่าแห้งของขนุน ใช้ทำชุดจุดไฟได้
  4. แก่นขนุนหนังหรือขนุนละมุด มีรสหวานชุ่มขม บำรุงกำลังและโลหิต ทำให้เลือดเย็น สมานแผล
  5. ใบขนุนละมุด เผาให้เป็นถ่านผสมกับน้ำปูนใสหยอดหู แก้ปวดหู และหูเป็นน้ำหนวก
  6. ไส้ในของขนุนละมุด รับประทานแก้ตกเลือดทางทวารเบาของสตรีที่มากไปให้หยุดได้
  7. แก่นและเนื้อไม้ ทำแห้ง นำมาฝนเป็นผงผสมน้ำผึ้ง รับประทานแก้กามโรค
  8. ตามตำราแพทย์แผนไทยระบุไว้ว่า ขนุนเป็นผลไม้รสร้อน ดังนั้นเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วอาจทำให้ร่างกายร้อนขึ้นได้ และอาจทำให้ระดับความดันโลหิตสูงขึ้นกว่าปกติได้ ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงควรรับประทานแต่น้อย และไม่ควรรับประทานคู่กับสุราเพราะอาจทำให้อาการของโรคความดันโลหิตสูงกำเริบได้
  9. ขนุนมีประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานได้ โดยมีผลงานวิจัยของประเทศศรีลังกา ที่ได้ทำการทดลองในผู้ป่วยเบาหวานและในหนูทดลอง ซึ่งผลการทดลองพบว่าสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ผลการทดลองยังได้ทำการเปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาเบาหวาน ซึ่งก็คือยา Tolbutamide และได้ผลสรุปว่าสารสกัดจากขนุนสามารถช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่ายา Tolbutamide ภายในเวลา 5 ชม. สำหรับวิธีนำมาปรุงเป็นยาก็ง่าย ๆ เพียงแค่ใช้ใบขนุนแก่ 5-10 ใบ นำมาต้มในน้ำ 3 แก้ว เคี่ยวนานประมาณ 15 นาที แล้วนำมาดื่มก่อนอาหารเช้า-เย็น
  10. เม็ดขนุน มีสารพรีไบโอติกหรือสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ทนต่อการย่อยของกระเพาะอาหารและการดูดซึมของลำไส้เล็กตอนบน ซึ่งช่วยดูดซึมแร่ธาตุอย่างแคลเซียม เหล็ก สร้างสารป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ โดยไม่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค

แหล่งพืชอนุรักษ์

ศูนย์วิจัยพืชสวนสุโขทัย

<<กลับไปหน้าฐานข้อมูลไม้ผล