ข้อมูลพันธุ์พืชรับรอง พันธุ์พืชแนะนำ และสิ่งประดิษฐฺ์


ชื่อพืช พริกชี้ฟ้า
พันธุ์ พิจิตร 1
วันที่รับรอง 24 มกราคม 2540
ประเภทการรับรอง พันธุ์แนะนำ
ศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตร ได้รวบรวมพันธุ์พริกชี้ฟ้าที่เกษตรกรแต่ละภูมิภาคปลูกเป็นการค้า รวมทั้งนำพันธุ์มาจากต่างประเทศนำมาปลูกศึกษาพันธุ์จำนวน 15 พันธุ์ ในปี พ.ศ.2527 และทำการเปรียบเทียบพันธุ์คัดเลือกพันธุ์จากแปลงรวบรวม และศึกษาพันธุ์พ.ศ.2528-2534 พบว่ามี 5 พันธุ์ ที่ให้ผลผลิตสูง และให้ผลมีคุณภาพในการทำเป็นพริกแห้งได้ดี แต่เป็นพันธุ์ที่มีความแปรปรวนในพันธุ์เล็กน้อยจึงได้นำทั้ง 5 พันธุ์ มาคัดเลือกให้ได้สายพันธุ์บริสุทธิ์ พันธุ์ใหม่ที่มีความสม่ำเสมอ
ลำต้นสีเขียวสูง 117 เซนติเมตร ทรงพุ่มรูปตัววี ใบสีเขียว ดอกสีขาว ผลอ่อนสีเขียว ความหนาของเนื้อผลสด 1.16 มิลลิเมตร เมล็ดสีเหลืองมีจำนวน 75 เมล็ดต่อผล จำนวนเมล็ดต่อ 100 กรัม มี 25,850 เมล็ด ผลดก เก็บเกี่ยวได้เร็ว ให้ผลผลิตครั้งแรก 78 วัน และครั้งสุดท้าย 150 วันหลังปลูก อัตราส่วนพริกสดต่อพริกแห้ง 4.5 ต่อ 1 และมีสารแคบไซซิน (capsaicin) ที่เป็นสารให้ความเผ็ดเฉลี่ย 3.37 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งดีกว่าและมากกว่าพันธุ์บางช้างเล็กน้อย
ผลผลิตพริกแห้งเฉลี่ย 378 กิโลกรัมต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์บางช้างประมาณ 37 เปอร์เซ็นต์ คุณภาพดีตรงกับความต้องการของตลาดคือเมื่อเป็นพริกแห้งจะมีผิวค่อนข้างเรียบเป็นมัน(พันธุ์บางช้างมีผิวค่อนข้างย่นกว่า)ใช้เวลาตากแห้งเพื่อทำพริกแห้งประมาณ 3-7 วัน ซึ่งน้อยกว่าพันธุ์บางช้าง
ปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ซึ่งมีดินร่วนหรือร่วนปนทราย ไม่เป็นดินเหนียวจัดมีการระบายน้ำดีเป็นพริกชี้ฟ้าที่ปลูกได้ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง ควรใช้ระยะปลูก 50x50 เซนติเมตร จำนวน 2 ต้นต่อหลุม
เนื่องจากเป็นพริกที่ไม่ต้านทานโรคกุ้งแห้งหรือโรคแอนแทรคโนส ดังนั้นถ้ามีฝนตกติดต่อกันหลายวันในช่วงฤดูฝนควรพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคกุ้งแห้งหรือโรคแอนแทรคโนสที่เกิดกับผลด้วย