ประวัติความเป็นมา

ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครสวรรค์

ประวัติ

2518-2524 ศูนย์ฝึกอบรมเกษตรวิศวกรรมตากฟ้า(บริเวณศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ใน

                   ปัจจุบัน)

2524-2534 ศูนย์ฝึกอบรมเกษตรวิศวกรรมตากฟ้า(สถานที่ตั้งในปัจจุบัน)

2534-2539 ศูนย์ฝึกอบรมเกษตรวิศวกรรมนครสวรรค์

2539-2552 ศูนย์ปฏิบัติการเกษตรวิศวกรรมเขต 2 จังหวัดนครสวรรค์

2552-ปัจจุบัน  ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครสวรรค์

พื้นที่ภายในศูนย์ฯ  1,254-2-23 ไร่-งาน-ตารางวา

สถานที่ตั้ง

         ตั้งอยู่หลักกิโลเมตรที่ 17 ของทางหลวงหมายเลข 1145(ตากฟ้า-ท่าตะโก) หมู่ 2 ตำบลอุดมธัญญา  อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ และห่างจากตัวเมืองนครสวรรค์ 52กิโลเมตร

หน้าที่ความรับผิดชอบ

  1. ศึกษาวิจัยและพัฒนาและทดสอบพืช/เทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
  2. ศึกษาวิจัยและทดสอบพืช/สาขาวิชาตามแผนงาน/โครงการวิจัยของกรมวิชาการเกษตร

3.ให้บริการวิชาการด้านพืชและปัจจัยการผลิตในพื้นที่รับผิดชอบให้แก่เกษตรกรภาคเอกชนและเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง

  1. ผลิต/ขยายเมล็ดพันธุ์หรือท่อนพันธุ์และกระจายพันธุ์

โครงสร้าง

1.ฝ่ายบริหารงานทั่วไปมีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับงานสารบรรณแผนงานและงบประมาณการเงินบัญชีและพัสดุบุคคล และธุรการทั่วไป

  1. กลุ่มวิจัยและพัฒนา มีหน้าที่

2.1 ศึกษาวิจัยและพัฒนาและทดสอบพืช/เทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์

2.2 ศึกษาวิจัยและทดสอบพืช/สาขาวิชา ตามแผนงาน/โครงการวิจัยของกรมวิชาการ

2.3 ผลิต/ขยายเมล็ดพันธุ์หรือท่อนพันธุ์และกระจายพันธุ์พืช พันธุ์ของกรมวิชาการเกษตร

  1. กลุ่มบริการวิชาการ มีหน้าที่

3.1บริการวิชาการด้านพืชและปัจจัยการผลิตในพื้นที่รับผิดชอบถ่ายทอดเทคโนโลยีตรวจสอบรับรองปัจจัยการผลิต

3.2รับผิดชอบงานโครงการพิเศษบริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ให้แก่เกษตรกรภาคเอกชนและเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

3.3ควบคุมและกำกับตามกฎหมายที่กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์(พ.ร.บ.พันธุ์พืช/พ.ร.บ.ปุ๋ย/พ.ร.บ.วัตถุอันตราย)

สภาพภูมิประเทศและอากาศ

สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดเป็นที่ราบค่อนข้างเรียบแคบบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำโดยเฉพาะตอนกลางของจังหวัดซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเมืองฯ,อำเภอบรรพตพิสัย,อำเภอชุมแสง,อำเภอท่าตะโก,อำเภอโกรกพระและอำเภอพยุหะคีรีสภาพพื้นที่ทางทิศตะวันตก(เขตอำเภอลาดยาว,อำเภอแม่วงศ์,กิ่งอำเภอแม่เปิ่นและกิ่งอำเภอชุมตาบง)และทิศตะวันออก(เขตอำเภอหนองบัว,อำเภอไพศาลี,อำเภอตากฟ้าและอำเภอตาคลี)มีลักษณะเป็นแบบลอนลูกคลื่น ยกตัวขึ้นจากตอนกลางวันของจังหวัด สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 20-100เมตร

ภูมิอากาศ

ลักษณะร้อนชื้นมีช่วงฤดูฝนและฤดูแล้วที่เห็นเด่นชัดฤดูฝนได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้อยู่ในช่วงเดือนตุลาคมส่วนฤดูหนาวอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงมกราคมได้รับอิทธิพลความเย็นมาจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับปี 2554ช่วงเดือนมกราคมและธันวาคม มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14.5 องศาเซลเซียส และช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดอุณหภูมิสูงสุด38.2องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ย 28.76 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนทั้งปี 1,443.1มิลลิเมตร และมีฝนตกทั้งหมด 86 วัน

สภาพภูมิอากาศของจังหวัดนครสวรรค์ สัมพันธ์กับปริมาณน้ำฝันในแต่ละปี หากปีใดปริมาณน้ำฝนมากกว่า 1,200 มิลลิเมตรต่อปีจะเกิดปัญหาน้ำท่วมถ้าปริมาณต่ำกว่า1,000มิลลิเมตรต่อปีจะประสบปัญหาฝนแล้งทั้งนี้สืบเนื่องมาจากสภาพพื้นที่ของจังหวัดที่มีลักษณะคล้ายท้องกระทะหรือผีเสื้อกางปีกบิน

ชนิดและลักษณะดิน

ลักษณะดินของศูนย์ฯดินเป็นดินลึกมีการระบายน้ำดีมากเกินไป เนื้อดินเป็นดินทราย ดินล่างลึกที่ 150 เซนติเมตร ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ pH 5.5-7.0 ในพื้นที่เพาะปลูกเป็นชุดดินที่ 44ได้แก่ ชุดดิน น้ำพอง

ชุดดินน้ำพอง   ลักษณะและสมบัติของดินเป็นดินลึกดินบนเป็นดินทรายปนร่วนหรือดินทราย สีน้ำตาลปนเทาหรือสีน้ำตาล ดินล่างเป็นดินทรายปนร่วน สีชมพู สีน้ำตาลซีดมาก พบชั้นสะสมดินเหนียวที่มีความลึกต่ำกว่า 100 ซม. จากผิวดิน มีสีเทาปนชมพู น้ำตาลซีด มีเนื้อดินเป็นดินร่วนปนทรายและเป็นดินร่วนเหนียวปนทรายในดินล่างลึกลงไป พบจุดประสีน้ำตาลแก่ เหลืองปนแดง หรือแดงปนเหลืองในดินชั้นล่างนี้ด้วยปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงกรดปานกลาง (ph 5.0-6.0)ในดินบนและเป็นกรดจัดมากถึงกรดเล็กน้อย(ph 4.5-6.5)ในดินล่าง

ข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ ดินเป็นทรายจัดมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำพืชมักแสดงอาการขาดน้ำอย่างเห็นได้ชัดเจน ในช่วงฝนแล้งและเสี่ยงต่อการเกิดการชะล้างพังทลาย

ข้อเสนอแนะในการใช้ประโยชน์ โดยทั่วไปจัดว่าไม่ค่อยเหมาะในการที่จะนำมาใช้ปลูกพืชเศรษฐกิจต่างๆ ถ้าจำเป็นต้องนำมาใช้จะต้องมีการจัดการในเรื่องการปรับปรุงบำรุงดินและพืชที่ปลูกแต่อย่างไรก็ตามอาจทำเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์หรือปลูกไม้ใช้สอยประเภทที่โตเร็วและทนแล้งได้ดี

พืชพรรณธรรมชาติและการใช้ประโยชน์ที่ดิน  ป่าเต็งรังมันสำปะหลังอ้อยปอมะพร้าวและทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์

ชุดดินจันทึก      ลักษณะและสมบัติดินเป็นดินลึกเนื้อดินเป็นทรายปนดินร่วนตลอดอาจพบก้อนกรวดปะปนในดินล่างดินบนเป็นสีน้ำตาลปนเทาดินล่างเป็นสีเทาปนชมพูหรือสีน้ำตาลอ่อนกรวดที่พบเป็นแร่ควอตซ์และเฟลด์สปาร์อาจพบจุดประสีในชั้นหินต้นกำเนิดที่กำลังสลายตัวปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลาง(ph 6.0-7.0)ในดินและเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดเล็กน้อย (ph 5.5-6.5) ในดินล่าง

ข้อจำกัดการใช้ประโยชน์ ความอุดมสมบูรณ์ต่ำเนื้อดินเป็นทรายโครงสร้างของดินเลว

ข้อเสนอแนะในการใช้ประโยชน์ ควรจะสงวนไว้เป็นป่าธรรมชาติถ้าหากมีความจำเป็นต้องนำมาใช้ในด้านการเกษตรควรจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอในช่วงฤดูเพาะปลูกและควรมีการปรับปรุงบำรุงดินโดยใช้ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมี เพื่อเพิ่มแร่ธาตุแก่พืชและทำให้สมบัติของดินดี

พืชพรรณธรรมชาติและการใช้ประโยชน์ ป่าเต็งรังทุ่งหญ้าบางแห่งนำไปใช้เป็นวัสดุสร้าง

ปัญหา  ปัญหาสำคัญของชุดดินทั้งสองชนิดคือเดิมเป็นดินทรายจัดและหนามากจึงมีโอกาสขาดน้ำได้ง่ายเพราะดินเป็นดินทรายจึงมีการระบายน้ำได้มากเกินไปและดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

DCIM102MEDIADJI_0073.JPG